UltraTech รายงานผลประกอบการทางการเงินรายปี สิ้นสุดเมื่อ 31 มีนาคม 2019

ฟัง
2 จำนวนนาทีที่อ่าน
แชร์:
  • ปริมาณการขายสูงขึ้นร้อยละ 18 จากไตรมาสที่ 3
  • กำไรสุทธิทะยานขึ้นถึงร้อยละ 148 จากไตรมาสที่ 3
  • EBITDA การดำเนินงานก้าวกระโดดที่ร้อยละ 63 จากไตรมาสที่ 3

 

ผลกำไรจากการจัดซื้อกิจการที่ได้มาสะท้อนให้เห็นถึงผลกำไร

(หน่วยเป็นสิบล้านรูปี)

 เฉพาะกิจการการดำเนินงานในอินเดียเฉพาะกิจการ
ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2018ไตรมาส 3 ปีงบฯ 2019ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019ปีงบฯ 2019ปีงบฯ 2018
ยอดขายสุทธิ10,3348,7508,68510,29935,10528,930
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี (PBIDT)2,3531,8141,5152,4066,9926,483
กำไรหลังภาษี (PAT) 1,0174884499882,4562,231

 

(หน่วยเป็นสิบล้านรูปี)

 รวมกิจการ 
ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2018ไตรมาส 3 ปีงบฯ 2019ปีงบฯ 2019ปีงบฯ 2018
ยอดขายสุทธิ10,7399,1689,20536,77530,541
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี (PBIDT)2,4591,8921,5587,2276,734
กำไรหลังภาษี (PAT) 1,0134464132,4352,222

UltraTech Cement Limited บริษัทในกลุ่ม Aditya Birla Group ประกาศผลประกอบการทางการเงินรายไตรมาสและรายปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31มีนาคม 2019 ในวันนี้

 

การเงิน:

ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019

ยอดขายสุทธิภายในประเทศสูงขึ้นร้อยละ 18 เป็น 103,340 ล้านรูปี จาก 87,500 ล้านรูปีในปีก่อน กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี อยู่ที่ 23,530 ล้านรูปี เทียบกับ 18,140 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 10,170 ล้านรูปี เทียบกับ 4,880 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบฯ 2017-2018

ยอดขายภายในประเทศก้าวกระโดดขึ้นไปที่ร้อยละ 16 จากไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2018 ความสามารถในการผลิตปูนเม็ดและโรงโม่ปูนซีเมนต์ที่ Manavar, District Dhar รัฐมัธยประเทศทรงตัว โดยมีการดำเนินงานผลิตปูนเม็ดที่มีการใช้งานเต็ม 100% ต้นทุนผันแปรสูงขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2018 อันเนื่องมาจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและผลกระทบจากการเสื่อมราคาของค่าเงินรูปี; ซึ่งลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2019

ปีงบฯ 2019

สำหรับตลอดทั้งปี ยอดขายสุทธิพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 21 เป็น 351,050 ล้านรูปีจาก 289,300 ล้านรูปีเมื่อปีก่อน กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี อยู่ที่ 69,920 ล้านรูปี เทียบกับ 64,820 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 24,560 ล้านรูปี เทียบกับ 22,310 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

 

ไฮไลท์:

การเข้าซื้อกิจการ Binani Cement Limited (BCL) ในปีงบฯ 2019

ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2018 บริษัท BCL ตกเป็นบริษัทในเครือที่ครอบครองโดยบริษัททั้งหมด โดยได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น UltraTech Nathdwara Cement Limited (UNCL) ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2018

การจัดซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งสำรองหินปูนคุณภาพสูงที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการรวมฐานให้กับสถานะผู้นำของบริษัทในตลาดที่เติบโตเร็วในภาคเหนือและตะวันตกของประเทศ การบูรณะโรงงานครั้งสำคัญมีการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต รงงานได้กระโจนเข้าสู่การใช้ความสามารถในการผลิต และบรรลุผลที่ร้อยละ 72 ในเดือนมีนาคม 2019 ภายหลังทำการอัปเกรดด้านคุณภาพแล้วเสร็จ แบรนด์ 'UltraTech' ได้เปิดตัวเป็นผลสำเร็จจากเดิมที่ในอดีตเป็นโรงงาน Binani

บริษัทอยู่ในระหว่างขายทอดตลาดสินทรัพย์ที่ไม่ใช่แก่นสำคัญที่จัดหาได้มาใน UAE / จีน การขายทอดตลาดที่ดำเนินการนี้จะนำไปใช้เพื่อพักการถดถอยของงบดุล

การเข้าซื้อกิจการในปีงบฯ 2018

จากความสำเร็จในการบูรณาการความสามารถในการผลิตซีเมนต์ที่ 21.2 mtpa ที่ได้มาจาก Jaypee Associates ในเดือนมิถุนายน 2017 ซึ่งมีการดำเนินการปรับปรุงต่อมาภายหลัง ขณะนี้โรงงานเหล่านี้ดำเนินงานควบคู่ไปกับโรงงานแห่งอื่นที่มีอยู่เดิมของบริษัท

โดยโรงงานที่จัดหามาเหล่านี้ดำเนินการอยู่โดยมีการใช้ศักยภาพในการผลิตที่ร้อยละ 82 มีการปิดปรับปรุงตามแผนที่โรงงาน Bela (รัฐมัธยประเทศ) เพื่อการปรับปรุงต้นทุน ผลกำไรจากการนี้จะบรรลุเป้าหมายอย่างเต็มที่ในไตรมาสที่ 1 ปีงบฯ 2020 ด้วยบรรลุผลสำเร็จกับการคุ้มทุนในการดําเนินงานที่เป็นเงินสดแล้ว การเข้าซื้อกิจการนี้จะนำไปสู่การบรรลุจุดคุ้มทุน PBT ที่เป็นไปตามแผน 
การเข้าซื้อกิจการสร้างรายรับเพิ่มขึ้นตามที่วางแผนไว้ โดยมีการเติบโตแบบเดือนต่อเดือน สำหรับการปรับปรุงในเฟสต่อไป ขณะนี้ได้รับการเสนอให้ทำการลงทุนที่โรงงาน Waste Heat Recovery System (WHRS) ปริมาณงาน 4.0 mtpa ที่โรงโม่ Bara เป็นไปตามกำหนด โดยเฟสแรกของการขยายคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานในระหว่างไตรมาสนี้

การพัฒนาองค์กร

หลักการในการเตรียมการณ์ระหว่าง Century Textiles and Industries Limited (Century) บริษัท และผู้ถือหุ้นผู้มีสิทธิตามลำดับและเจ้าหนี้ (หลักการ) ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจากองค์กรด้านกฎหมายบริษัทแห่งชาติ (National Company Law Tribunal) และจากหน่วยงานผู้มีอำนาจตามกฏหมายตามความจำเป็น

ภายหลังจากที่การเข้าซื้อกิจการสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องแล้ว ความสามารถในการผลิตซีเมนต์ของบริษัทจะอยู่ที่ 113.4 mtpa ในอินเดีย ซึ่งเป็นการสร้างสถานะที่แข็งแกร่งโดยจะส่งผลให้กลายเป็นผู้ประกอบการซีเมนต์รายใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก (ไม่รวมประเทศจีน)

เงินปันผล

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารที่จัดขึ้นในวันนี้ มีการเสนอเงินปันผลที่ร้อยละ 115 ในอัตรา 11.50 รูปี/- ต่อหุ้นสามัญ ของมูลค่าตราสารที่ตราไว้ที่ 10 รูปี/- ต่อหุ้น โดยมีมูลค่ารวมทั้งหมด 3,158.40 ล้านรูปี บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบต่อภาษีการจ่ายเงินปันผลจำนวน 649.20 ล้านรูปี ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 3,807.60 ล้านรูปี

แนวโน้ม

อุตสาหกรรมซีเมนต์เริ่มมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของความต้องการตั้งแต่ปี 2018 ทำให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างทวีคูณนับตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ผ่านระยะการเติบโตที่เฉื่อยชา อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของความสามารถในการผลิตใหม่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป ความสามารถในการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นที่เสริมเข้ามาในรหว่างปีอยู่ที่ 12 mtpa จากที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นที่ราว 38 ล้านตัน ซึ่งส่งผลให้เกิดการใช้ศักยภาพอุตสาหกรรมที่ปรับปรุงดีขึ้น และจะเป็นการช่วยปรับสมดุลย์อุปสงค์-อุปทานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

แรงผลักดันจากภาครัฐในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และต่อการก่อสร้างถนนคอนกรีต เครือข่ายรถไฟในเขตเมือง ท่าอากาศยาน DFC โครงการชลประทาน และการเคลื่อนไหวที่เพิ่มมากขึ้นในการดำเนินงานภายใต้โปรแกรมที่พักอาศัยราคาถูก เป็นการช่วยส่งเสริมที่ลดปริมาณจำนวนมาก ด้วยเสถียรภาพของ RERA การเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยในชุมชนเมืองยังเป็นแรงเสริมอีกทางหนึ่ง ทั้งหมดนี้คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการเติบโตของความต้องการอย่างมั่นคงสำหรับซีเมนต์ที่กำลังเดินหน้าต่อไป ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีต่ออุตสาหกรรม

UltraTech ด้วยมีการขยายขอบเขตในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จึงอยู่ในสถานะที่เหมาะสมต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเติบโตของเศรษฐกิจ