เสียงแห่งท่านมหาตมะ
18 สิงหาคม 2005
ดร. Pragnya Ram
ประธานบริหารบริษัท
แผนกสื่อสารองค์กร
ร้อยเรียงเรื่องราวชีวิตของท่านมหาตมะอันน่าประทับใจและเป็นช่วงเป็นตอน ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่าย ภาพวาด วีดีทัศน์ คลิปวิดีโอและสื่ออื่นๆ อีกมากมาย การได้ชมประวัติของท่านมหาตมะผู้เป็นนิรันดร์ผ่านมัลติมีเดียทำให้คุณมีความ รู้สึกต่อประวัติศาสตร์อย่างดียิ่ง มิสซิส Rajashree Birla ผู้เป็นหัวหอกของโครงการเล่าว่า "นิทรรศการดิจิตอลเกี่ยวกับประวัติท่านมหาตมะที่จัดขึ้นครั้งแรกและน่าทึ่ง นี้เป็นแนวคิดของมิสเตอร์ Kumar Mangalam Birla" เธอเล่าต่อว่า "นี่เป็นวิถีในการแสดงความเคารพต่อบิดาของชาติของเรา" และอย่างที่คุณอาจทราบ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ Gandhi Smriti ซึ่งเป็นที่ที่นิทรรศการนี้จัดขึ้นเคยเป็นบ้านของพวกเรามาก่อน บ้านของตระกูล Birla มี 12 ห้องนอน สร้างขึ้นในปี 1928 โดยท่าน G. D. Birla ทวดของสามีข้าพเจ้า บ้านหลังนี้ยังเป็นบ้านที่สามีของข้าพเจ้าเกิด ข้าพเจ้ายังจำได้ถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่พวกเราในฐานะครอบครัวใช้เวลา ร่วมกันตลอดมา
บ้านหลังนี้ยังเป็นบ้านของท่านคานธี ซึ่งเป็นเพื่อสนิทของท่าน G.D. Birla ที่เขาเคยเอ่ยถึงอย่างรักใคร่ในฐานะเพื่อนสนิทกัน บ้านของเราได้ประสบกับเหตุการณ์ที่สร้างศักราชใหม่ให้อินเดีย จากบ้านหลังนี้ เราได้เห็นท่านคานธีประชุมหาทางออกระหว่างผู้นำระดับนานาชติและระดับประเทศ ที่มีชื่อเสียง บางนัดเป็นการประชุมลับเพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ
ตระกูล Birla มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับครอบครัวท่านมหาตมะผ่านทางทวดเลี้ยงของข้าพเจ้า คุณค่าของภาวะทรัสตี สัจธรรม การไม่ใช้ความรุนแรง ความยุติธรรมของท่านมหาตมะมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งกับอัครบิดาของครอบครัวเรา สิ่งเหล่านี้ซึมซับอยู่ในสายเลือดตระกูล Birla รุ่นแล้วรุ่นเล่า และเราถือว่ามันเป็นมรดกตกทอดของเรา
อีกด้านหนึ่ง เป็นเวลานานแล้ว ที่ Kumar Mangalam ได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งโดยคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่ท่านคานธีและท่าน G.D. Birla ต้องการส่งเสริม และรู้สึกถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถ่ายทอดคุณค่าเหล่านี้สู่คนรุ่น ใหม่และลูกหลานด้วยกลวิธีร่วมสมัย เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าใจประวัติศาสตร์ เพื่อช่วยให้พวกเขาตระหนักว่าเราต้องสูญเสียอะไรบ้างเพื่อให้ได้อิสรภาพของ เรามา ทำให้พวกเขาเข้าใจผู้นำของเราและเข้าใจชาติของเราในยามสร้างชาติ เขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งมีค่า สิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อเข้าถึงสารแห่ง
shantiซึ่งหมายถึงความสงบสุข
satyaความจริง
ahimsaการไม่ใช้ความรุนแรง
ektaความเป็นเอกภพของมวลมนุษยชาติของท่านมหาตมะ ในวันนี้และในยุคในแนวทางที่น่าสนใจ
ข้าพเจ้าพบท่านคานธีครั้ง แรกในปี 1916 เราคบหาสมาคมกันจนกระทั่งท่านเสียชีวิต รวมแล้วก็ 32 ปี ตอนที่ท่านเสียชีวิตในบ้านของข้าพเจ้าในเดลี ข้าพเจ้ารู้จักท่านคานธีได้อย่างไรงั้นรึ นั่นก็เพราะโชคชะตาที่ทำหน้าที่ของมันแบบที่ไม่ใครจะรู้ได้ และควรได้รับการยกย่องในอุบัติการณ์ที่เกิดกับชีวิตของข้าพเจ้านี้"
— G.D. Birla,
ผู้อยู่เบื้องหลังท่านมหาตมะ |
เพื่อศึกษาสัจธรรมเหล่านี้ที่ ท่านมหาตมะเคยนำมาปฏิบัติใช้ เราคิดว่าเราควรตระหนักว่าแนวทางเหล่านี้เป็นเหมือนผู้เดินทางบนเส้นทาง สว่างและเสริมกำลังที่สามารถสัมผัสได้ด้วยวิถีที่มีความหมายโดยนัย และผนึกสารของเขาในจิตวิญญาณของเรา นี่เป็นความอุตสาหะของเรา
เพื่อถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ เราได้นำเทคนิกต่างๆ โดยได้รับความร่วมมือจาก ดร. Ranjit Makkuni ผู้เชี่ยวชาญด้านมัลติมีเดียและคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อเสียง นิทรรศการเปิดรับผู้เข้าชมภายใต้การคุ้มกันพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ Gandhi Smriti และ Darshan Samiti เป็นอย่างดี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นิทรรศการเปิดให้เข้าชมที่ Tees January Marg กรุงนิวเดลี
นิทรรศการนี้เริ่มเปิดให้เข้าชมครั้งแรกวันที่ 14 เมษายน 2005 ในกรุงนิวเดลี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ Gandhi Smriti โดยนายกรัฐมนตรี ดร. Manmohan Singh กล่าวว่า "เป็นเกียรติที่หาได้ยากยิ่งในการเปิดนิทรรศการอันทรงคุณค่ามากที่สุดนี้ โดยนิทรรศการดังกล่าวช่วยย้ำเตือนพวกเราให้ระลึกถึงช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ เพื่ออิสรภาพของอินเดีย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ Gandhi Smriti ซึ่งเป็นที่ที่นิทรรศการนี้ได้ถูกจัดขึ้นเป็นสถานที่ศักด์สิทธิ์สำหรับพวก เราทุกคนที่มาที่นี่เพื่อร่วมรำลึกและรับแรงบันดาลใจจากชีวิตของท่านมหาตมะ" ทั้งนี้ ได้สะท้อนถึงชีวิตของไอน์สไตน์ เจ้าของรางวัลโนเบลที่กล่าวถึงท่านคานธีว่า "คนรุ่นใหม่กำลังเกิดมาและคนเหล่านั้นแทบจะไม่เชื่อว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีเลือดเนื้อจะถืออุบัติขึ้นมาบนโลกใบนี้ได้"

คนรุ่นใหม่ทั่วโลกเคารพในชีวิตของ ท่านมหาตมะ ดร. Manmohan Singh กล่าวชื่อชมความอุตสาหะของมิสเตอร์ Birla และมิสซิส Rajashree Birla ในการนำเอาสารของท่านมหาตมะมาสื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รับรู้ว่า "การทำให้จิตวิญญาณนี้มีชีวิตขึ้นมาเป็นสิ่งที่น่านับถือ" คุณค่าแห่งความจริง แห่ง
ahimsa ความสงบและเป็นพี่น้องของท่านคานธีเป็นสิ่งที่หาพบได้เสมอในสังคม เขามีความสุขที่ได้เห็นแนวทางของท่านคานธีเติบโตข้ามวัฒนธรรม เช่น ในเยอรมนี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและปาเรสไตน์ "ที่ใดมีการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพ ชีวิต ความสงบสุข การเคารพในตัวเอง สารของท่านคานธีจะยังคงรุ่งโรจน์ในที่แห่งนั้น"
นายกรัฐมนตรีหวังว่า นิทรรศการนี้จะช่วยกระตุ้นความสนใจในชีวิตและการทำงานของบิดาของประเทศทั้ง ในอินเดียและอีกหลายๆ ประเทศให้มากขึ้น "นี่เป็นทรัพย์สมบัติของชาติและเรารู้สึกทราบซึ้งอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้ต่อ ตระกูล Birla ที่มอบสมบัติระดับชาตินี้ให้กับเรา
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า "ครอบครัว Birla ได้ทำสิ่งต่างๆ ไว้มากมายเพื่อเป็นการพัฒนาประเทศ" ในช่วงเหตุการณ์ย้อนรำลึกถึงท่านมหาตมะในเดือนสิงหาคมมีผู้คนมากมายมารวมตัว กัน เช่น มิสเตอร์ I.K. Gujral อดีตนายกรัฐมนตรี มิสเตอร์ Jaipal Reddy รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม สาระสนเทศและการกระจายเสียง มิสซิส Sheila Dikshit หัวหน้ารัฐมตรีกระทรวงในเดลลี ดร. Karan Singh อดีตรัฐมนตรีสหพันธ์ ดร. Savita Singh ผู้อำนวยการจาก Gandhi Smriti ศาสตราจารย์ Gangrade ลองประธานบริษัทของ Gandhi Smriti มิสเตอร์ Tushar Gandhi เหลนของท่านมหาตมะ ดร. Sarala Birla มิสเตอร์ B.K. Birla มิสซิส Rajashree Birla มิสซิส Manjushree Khaitan มิสเตอร์ Kumar Mangalam Birla และมิสซิส Neerja Birla สมาชิกครอบครัวและบุคคลสูงศักดิ์มากมาย
อารยะขัดขืนกลายมาเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เมื่อรัฐขาดซึ่งกฏระเบียบและเต็มไปด้วยคอรัปชั่น
— มหาตมะ คานธี
|
 |
|
ดร. Savita Singh ผู้อำนวยการจาก Gandhi Smriti กล่าวว่า "แนวคิดในการทำการโฆษณาชวนเชื่อในหลักการและคุณค่าแบบท่านคานธี และการสอนของท่านมหาตมะไม่ใช่เรื่องใหม่ต่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ Gandhi Smriti และ Darshan Samiti อีกต่อไป พวกเราพยายามใคร่ครวญ และหลายต่อหลายครั้งที่เราได้ตัดสินใจ ความคิดหลายอย่างพรั่งพรูออกมา การเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุดต่อโครงการ Shashwat Gandhi นี้ช่างเป็นโครงการระดับประวัติการ ความคิดในโครงการนี้ทำขึ้นเพื่อเป็นแบบให้กับ Smt. Rajashreeji Birla และคณะทำงานของเธอจากกลุ่มบริษัท Aditya Birla เพื่อเป็นประโยชน์ต่อแนวทางที่ไม่มีที่สิ้นสุดของท่านมหาตมะ Bapu ของเรา Mohandas Karamchand Gandhi ของเรา เป้าหมายสูงสุดของเราคือการจัดนิทรรศการมัลติมีเดียเรื่องราวชีวิตของท่าน คานธีผู้เป็นนิรันดร์
ดร. Gangrade รองประธานพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ Gandhi Smriti ย้ำว่า "ไม่มีคำใดในภาษาอังกฤษที่สามารถอธิบายได้ มันเป็นประสบการณ์แบบ '
adbhut' และจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนนับล้าน"
ชีวิตของท่านคานธีในหลายแง่มุม
ดร. Makunni เสริมว่า "โครงการนี้สื่อถึงภาษาของการกระทำที่จับต้องได้จากสัญลักษณ์แบบคลาสสิก เช่น กงเกวียนที่กำลังหมุน วงล้อแห่งการสวดมนต์ การสัมผัสเสาหลักเชิงสัญลักษณ์ ภาพของมือกำลังสัมผัสกับวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ผ้าห่มที่ช่วยกันถักทอ การสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์เป็นกลุ่มหรือที่เรียกว่า
satsangaและการนับลูกปะคำขณะท่องบทสวด วิถีทางที่เป็นทำเนียมเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นภาพพาโนรามาที่ รู้สึกสัมผัสได้อย่างยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ผู้ชมได้โลดแล่นไปกับภาพชีวิตของท่านคานธีในรูปแบบมัลติไดเมนชั่น และจินตนาการแบบมัลติมีเดีย
"ท่านมาหยุดตรงธรณี ประตูของกระท่อมที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ท่านอยุ่ในชุดเหมือนคนกลุ่มที่อยู่ในกระท่อม ท่านพูดกับคนเหล่านั้นด้วยภาษาของพวกเขา ที่นี้เป็นดังสัจธรรมที่มีชีวิตและมิใช่คำพูดใดที่หยิบยกมาจากหนังสือ ด้วยเหตุผลนี้ คำว่า มหาตมะ อันเป็นชื่อที่คนทั้งประเทศอินเดียมอบให้ กลายเป็นชื่อจริงของท่านแล้ว เท่าที่ท่านคานธีระลึกได้ อินเดียกำลังเติบโตไปสู่ความยิ่งใหญ่ครั้งใหม่ เช่นเดียวกับที่เคยเป็นในอดีตกาล เมื่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวถึงสัจธรรมของผัสสะและความเมตตากรุณา ในหมู่สัตว์โลก"
— Rabindranath Tagore |
"เทคโนโลยีที่พัฒนาไม่ได้สะท้อนภาพลักษณ์แบบคานธี มันช่วยประเมินแนวคิดแบบคานธีว่าเป็นโดเมนใหม่ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการ ออกแบบผลิตภัณฑ์ และในระดับที่สูงขึ้น การสร้างความหมายในโลกโลกาภิวัตน์ ตัวอย่างเช่น คำมั่นแบบคานธีในการผลิตสินค้าหัตถกรรมและความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกันด้วย ธรรมชาติจะถูกตีความในบริบทของการออกแบบทางวัฒนธรรมแบบมีจิตสำนึกสมัยใหม่"
นิทรรศการงานแสงสีของศิลปินหลายท่านที่แสดงงานศิลป์และขอบเขตแห่งภูมิศาสตร์ ทำให้เห็นภาพท่วงทำนองเสียงอันไพเราะและเป็นสากลในสารของท่านคานธี นักวิทยาศาสตร์ตอมพิวเตอร์ นักออกแบบรุ่นใหม่ ช่างฝีมือทำโมเสก ช่งแกะสลัก ศิลปินและนักแกะสลักไม้เสนอความเชี่ยวชาญของตัวเองให้เป็นเช่นผลงานที่ทำให้ รำลึกถึงวิสัยทัศน์ของท่านคานธี ที่เรียกว่า
likita japaซึ่ง เป็นสิ่งที่ช่วยรำลึกถึงเทพเจ้าผ่านการจาลึกเวทมนตร์ซ้ำๆ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด งานแสดงแต่ละชิ้นในนิทรรศการ ไม่ว่าจะเป็นแสงไม่กกีพิกเซล บิทแม็พบนสกรีน งานแอนนิเมชั่น วงจรไฟฟ้า หรือชิ้นงานนิทรรศการทำมือเป็นเหมือนสิ่งที่รำลึกที่สัมผัสได้ ที่นี่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์แบบคานธี ความมุ่งมั่นในศักดิ์ศรีของมือมนุษย์ การเยียวยาความแตกแยก การเสริมกำลังความคิดสร้างสรรหมู่บ้านและความหลากหลายทางวัฒนธรรมเพื่อทำให้ เป็นหนึ่งเดียวกัน
ประวัติย่อในนิทรรศการ
มิสซิส

Birla กล่าวต่อว่า "การนำเอาเทคโนโลยีในอนาคตระดับโลกมาใช้และผ่านการผสมผสานหลักปฏิบัติแบบ อินเดียเชิงนวัตรกรรม เราได้พัฒนากระบวนการปฏิสัมพันธ์ กระบวนการหนึ่งซึ่งผู้ศึกษาและครูอาจารย์ผ่านการนำเสนอแบบมัลติมีเดียผสาน กับบทสนทนาที่น่าทึ่งเกี่ยวกับชีวิตและเวลาของมหาตมะ
ในช่วงจัดแสดงนิทรรศการ ใครอาจพบว่าทุกฉากซึ่งมีการจัดตกแต่งอย่างประณีตยิ่งนี้มีความสอดคล้องกัน และมีความเกี่ยวข้องกันอย่างเป็นนิรันดร์ ข้าพเจ้าอยากจะยกตัวอย่างให้คุณได้เห็นในแต่ละช่วงตอนดังต่อไปนี้
อย่างที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วข้าง ต้น เราได้ใช้เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ผนวกกับชิปคอมพิวเตอร์ในทุกชิ้นงานแสดงที่ท่านคานธีเคยใช้ อย่างเช่นไม้เท้าที่ท่านใช้ในช่วงการเดินขบวนที่ในหมู่บ้านดันดี [Dandi] ช่วงเหตุการณ์ผลิตเกลือ
satyagrahaส่วนหีบทรงกระบอก 2 ชิ้นนี้ เป็นหีบที่ใส่เกล็ดเกลือจากเหตุการณ์ดังกล่าว เหมือนคุณกำลังหยิบเกลือใส่ไว้ในมือและจากนั้นคุณก็เอามันกลับไปวางไว้บน สกรีน เหตุการณ์เดินขบวนผลิตเกลือที่หมู่บ้านดังกล่าวได้นำมาจัดแสดงเป็นเหตุการณ์ แสงสีเสียงอีกครั้ง
บนแผ่นแผนที่อินเดียขนาด 5 ฟุต คุณจะได้เห็นเครื่องดนตรีฮาร์พที่ประกอบไปด้วยสายฮาร์พกว่า 100 สาย คุณสามารถเลือกเล่นเพลงโปรดของทานคานธี นับตั้วแต่ vaishnava janto tene re kahiyeไปจนถึง raghu pati raghav rajaramและ udja re hans akelaถึง sare jahan se achaสามารถฟังและเห็นได้จากสกรีนขนาดเท่าคนจริง

ถัดไปเป็น Sarva Dharma Sambhav เพื่อฟังเพลง
raghu pati raghav raja ramที่ขับร้องโดย Hamsur Hayat โดยเป็นประเภท
qawwaliอันเป็นงานเพลงที่อัศจรรย์ยิ่งนักและไม่เคยได้ยินมาก่อน
ลองขึ้น e-train ที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ทันทีที่คุณติดเครื่องเพียงกดปุ่มเดียวเท่านั้น ตามมาด้วยเสียงของล้อบนราง คุณจะได้เห็นทุกที่ที่ท่านคานธีและ Kasturba เคยไปช่วงที่ท่านทั้งสองกลับไปยังแอฟริกาใต้
เสาหลักแห่งสัจธรรมก็เป็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยจะหมุนสลับแผ่นจาน 11 แผ่นที่ปรากฏคำมั่นจากเหตุการณ์
satyagrahi
ในส่วนแกลเลอรี่ พร้อมด้วยบราวเซอร์แสดงภาพเรียงตามระยะเวลา ช่วยลำดับเหตุการณ์สำคัญต่างๆในชีวิตของท่านมหาตมะเป็นภาพถ่ายตามด้วยภาพ เขียน ภาพสีและวีดีทัศน์ เช่น งานนิทรรศการของ Richard Attenborough เรื่อง "Gandhi" และของ Vitahalbhai Javeri เรื่อง "The Mahatma" ความรู้สึก การสัมผัสและการรับรู้ถึงท่านคานธีที่คุณได้สัมผัสที่นี่ยากจะเกินบรรยาย
"เรา จะต้องทำงานเพื่ออินเดียซึ่งเป็นประเทศที่คนจนที่สุดจะต้องรู้สึกว่านี่เป็น ประเทศของเขา ในที่ที่คนเชื่อว่าพวกเขามีเสียงอันทรงประสิทธิผล เพื่ออินเดียที่เป็นประเทศที่ไม่มีชนชั้นสูงและชนชั้นต่ำ เพื่ออินเดียที่ทุกชุมชนจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขสมบูรณ์ ในอินเดียจะไม่มีชนชั้นจัณฑาลและปราศจากน้ำเมาและยาเสพย์ติด สตรีจะต้องมีสิทธิ์เท่าเทียมบุรุษเพศ เราจะต้องอยู่อย่างสันติไปพร้อมๆ กับคนทั้งโลก นี่เป็นประเทศอินเดียในฝันของเรา"
— มหาตมะ คานธี |
ในห้อง charkhaเป็นห้องที่ ท่านคานธีใช้อ่านหนังสือพิมพ์ เป็นระเบียงแห่งความเป็นเอกภาพ เป็นห้องขัง เป็นห้องของลูกๆ เป็นห้องโถงในการสวดมนต์ ทั้งหมดนี้เก็บภาพเรื่องราวชีวิตของท่านคานธีสิ่งเหล่านี้เป้นสิ่งที่ล้ำค่า สำหรับพวกเราทุกคน
ทุกสิ่งอันที่ปรากฏตลอดระยะเวลาการชมนิทรรศการถือเป็นสิ่งแรงกระตุ้นและแม้ แต่ทำให้ลิทธิคานธีฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้และเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม นิทรรศการสามารถเป็นแสงนำทางให้กับคนรุ่นใหม่และในรุ่นหน้าๆ ทำให้เกิดศักยภาพในการกระตุ้นจิตใจของคนหนุ่มสาว และกระตุ้นพวกเขากระหายในสัจธรรม คุณค่าและความเห็นอกเห็นใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด" มิสซิว Birla กล่าว
บ้านตระกูล Birla – ย้อนเวลาหาอดีต |
ท่านคานธี เป็นแรงขับเคลื่อนในชาติและประชาชนของเราในช่วงการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ บ้านของตระกูล Birla เป็นเหมือนบ้านของท่านคานดีด้วยเช่นกัน ตระกูล Birla รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีท่านเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยในช่วงเวลาเกือบ 150 วันแห่งการต่อสู้เพื่ออำนาจ จนกระทั้งช่วงที่ท่านถูกสังหาร นี่เป็นช่วงเวลาเมื่อทั้งชาติถูกทำลายอันเนื่องมาจากความรุนแรงจากประชา สังคมอันสร้างความเศร้าใจอย่างยิ่งให้กับทานคานธี
จากวันที่ 9 กันยายน 1974 ประตูบ้าน Birla ที่ Tees January Marg เปิดรับ นักท่องเที่ยวนับร้อยต่างย่ำเท้าเข้ามาชม หลายคนมองหาสัมผัสแห่งการมองเห็นในแบบของท่าน Mahatma ส่วนคนอื่นเข้ามาขอคำแนะนำ อีกนับพันเข้ามาเพื่อแสดงความเคารพ โดยไม่นับว่าจะเป็นชนชั้นใด เผ่าพันธ์ใดหรือศาสนาใด
และทุกเย็น ในส่วนของบ้าน Birla ภาพของท่านคานธีทีคุดคู้บนที่นอนและพูดคุยกับบรรดาผู้ที่มาขอเข้าพบ เสียงสวด [Shlokas] จากภควัทคีตา [Gita] และ gurubaniจาก Guru Granth Sahib และ ramdhun และการสวดมนต์จากอัลกุรอานและคัมภีร์ไบเบิลจากทุกทิศทาง
หลังจากบทสวด ท่านคานธีได้กล่าวต่อผู้ร่วมสวดมนต์ เสียงของเขาดังไปทั่วทุกมุมและทุกเผ่าพันธ์ในชาติได้ยินเมื่อวิถีของเขาได้ รับการเผยแพร่ ท่าน G.D. Birla และสมาชิกครอบครัว Birla อื่นๆ ประสงค์จะสร้างรูปแบบซึ่งเป็นส่วนของการมารวมตัวกันของนิทรรศการนี้อันเป็น กิจกรรมที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญาของมหาตมะ ท่าน G.D. Birla ซึ่งเป็นเจ้าบ้านให้แก่ท่าน Mahatma ก็เป็นเพื่อนผู้สนิทของเขาอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าท่านจะยินดีเป็นผู้ปิดทองหลังพระให้กับท่านมหาตมะมากกว่า
ช่วงที่เกิดความตึงเครียดภายใน สารของท่านคานธีสื่อถึงสันติภาพและความสงบสุข ความเป็นสากลทางศาสนา ความเป็นพี่เป็นน้องของมนุษยชาติ ท่านสอนในสิ่งที่เขาปฏิบัติเสมอ
ในวันที่ 30 มากราคม 1948 เป็นวันที่เหล่าสาวกผู้ฝักไฝ่ในสันติภาพต่างพากันเดินไปในสวนของบ้านตระกูล Birla เพื่อสวดมนต์เย็น ท่านคานธีถูกลอบสังหารโดย Nathuram Godse
ท่านบัณฑิต Nehru สร้างความกดดันกับท่าน G.D. Birla เพื่อให้บ้าน ตระกูล Birla ให้ใช้เป็น Gandhi Memorial เพื่อรำลึกถึงท่านคานธี ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่เจ็บปวดสำหรับท่าน G.D. Birla ผู้ซึ่งเขียนถึงท่าบัณฑิต Nehru ว่า บ้านในเมืองเดลีเป็นเหมือน "คลังแห่งความทรงจำและแหล่งรวบรวมในสิ่งที่ข้าพเจ้าสามารถนำมาเรียบเรียง เป็นหนังสือซึ่งข้าพเจ้าสามารถเรียกความทรงจำ...ในอดีตที่เข้าสู่เนื้อหนัง ของข้าพเจ้าและทุกอณูจิต"
แด่คำแนะนำของรัฐบาลในสมัยต่อมาที่ต้องการให้สวนแห่งนี้ซึ่งเป็นที่ ท่านมหาตมะถูกลอบสังหารและเป็นสถานที่ที่เขาเสียชีวิตลงต้องเวรคืน ปฏิกิริยาที่รวดร้าวของท่าน G.D. Birla คือ มันเหมือนกันใครบางคนที่อาจบอกให้คนอีกคนตัดแบ่งครึ่งเด็กหนึ่งคนออกเป็น 2 ส่วน แล้วทิ้งส่วนหนึ่งไป เหลือไว้แค่อีกส่วนหนึ่ง"
Even Sardar Patel ผู้ซึ่งต่อต้านอย่างจริงจังในการเวรคืนบ้านหลังนี้เพื่อการดังกล่าว กล่าวถึงท่านบัณฑิต Nehru ว่า "การกระทำแบบนี้เป็นการสร้างความรุนแรงต่อความรู้สึกของทั้ง Ghanshyamdas และ Bapu สวนแห่งนี้และจุดที่ท่านมหาตมะเสียชีวิตก็ถูกเปิดให้ประชาชนได้เข้าชม"
โดยไม่คำนึงถึง ความกดดันที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ในวันที่ 2 ตุลาคม 1971 ในพิธีที่ไม่ได้พูดถึงมากนัก ส่วนหนึ่งของบ้าน Birla ได้รับการขนานนามใหม่ว่า Gandhi Sadan และกำหนดให้เป็นสถานที่ของคนทั้งประเทศโดนประธานาธิบดี ท่าน V.V. Giri ส่วนท่าน G.D. Birla และครอบครัวต้องอยู่อาศัยในบ้านเช่าหลังหนึ่งใน Vasant Vihar จนกระทั่งบังกาโล "Mangalam" ใน Amrita Shergill Marg สร้างเสร็จ
ต่อมา บ้าน Birla กลายเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น "Gandhi Smriti and Darshan Samiti"
|