Grasim Industries วันนี้ได้ประกาศผลประกอบการทางการเงินที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบสำหรับไตรมาสและช่วงครึ่งปีและครบเก้าเดือน วันที่ 31 ธันวาคม 2019

ผลประกอบการทางการเงินแบบรวมกิจการ

รายได้แบบรวมกิจการสำหรับเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2019 อยู่ที่ 577,240 ล้านรูปี โดยบันทึกการเติบโตที่ 5% และ PBT แบบรวมอยู่ที่ 63,870 ล้านรูปี โดยบันทึกการเติบโตที่ 23 % จากปีก่อน
อย่างไรก็ตามรายได้และ EBITDA สำหรับไตรมาสยังคงทรงตัว

ธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์

ในธุรกิจ VSF การผลิตและยอดขายมีบันทึกเพิ่มขึ้นที่ 5% และ 3% จากปีก่อนเป็น 148KT และ 138KT ตามลำดับ รายได้สุทธิสำหรับเส้นใยสังเคราะห์ (รวมถึง VFY) อยู่ที่ 21,940 ล้านรูปี ส่วน EBITDA ของไตรมาสอยู่ที่ 2,560 ล้านรูปี

ความสามารถในการทำกำไรของไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบหลักจากการลดลงของราคา VSF ในประเทศเนื่องจากราคาโลกที่อ่อนตัวลงเนื่องจากการมีอุปทานส่วนเกินจำนวนมากเกิดจากการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ในเอเชียในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา สงครามการค้า การลดลงของราคา VSF ในประเทศดิ่งลงเพื่อตอบโต้การนำเข้าเส้นด้ายราคาถูกจากจีน / อินโดนีเซียซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ของผู้ผลิตเส้นใยชาวอินเดีย การลดลงของราคา VSF ในประเทศดิ่งลงเพื่อตอบโต้การนำเข้าเส้นด้ายราคาถูกจากจีน / อินโดนีเซียซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ของผู้ผลิตเส้นใยอินเดีย

ประโยชน์จากราคาเนื้อไม้ จะสะท้อนให้เห็นในไตรมาสถัดไปเนื่องจากมีความล่าช้าของเวลาในคลังสินค้า

แบรนด์ Liva สำหรับผลิตภัณฑ์ VSF ของเรายังคงความเติบโตโดยมีการพุ่งเป้าไปที่ตลาดภายในประเทศ ขณะนี้ Liva ร่วมธุรกิจกับแบรนด์ค้าปลีก 40 แบรนด์ โดยมีจำหน่ายอยู่ในเอาท์เล็ต 3,600 แห่ง

ความยั่งยืนเป็นขอบข่ายหลักที่บริษัทมุ่งให้ความสำคัญ ธุรกิจ VSF ของเราได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ผลิต VSF อันดับหนึ่งจากรายงานจุดน่าสนใจล่าสุดของการสำรวจขององค์กรพัฒนาเอกชนทั่วโลก (global NGO Canopy ) รายงานจุดน่าสนใจล่าสุดของการสำรวจจัดอันดับให้ผู้ผลิต viscose rayon ชั้นนำของโลกทราบถึงการรุดหน้าในการทำลายป่าที่ใกล้สูญพันธุ์จากห่วงโซ่อุปทาน มากกว่า 200 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกผู้ค้าปลีกและนักออกแบบเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Canopy Style

การขยายกำลังการผลิต 219 KTPA Vilayat Brownfield กำลังดำเนินไปตามกำหนดการและคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 2021

* ( (รวมถึงค่าใช้จ่ายครั้งเดียวของ133ล้านรูปี ต่อการระงับข้อพิพาทและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นภายใต้โครงการ Sabka Vishwas (การระงับข้อพิพาทด้านมรดก) ภายใต้โครงการ 2019 ประกาศโดยรัฐบาลอินเดีย)

ธุรกิจเคมีภัณฑ์

รายได้สุทธิสำหรับไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2020 อยู่ที่ 13,620 ล้านรูปี และ EBITDA อยู่ที่1,850 ล้านรูปี ราคาโซดาไฟทั่วโลกมีแนวโน้มอ่อนตัวในช่วงไตรมาสนี้ ราคาโซดาไฟในประเทศได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นและความต้องการน้อยลง

ยอดขายโซดาไฟและปริมาณการผลิตในไตรมาส 3 ปีงบ 20 อยู่ที่ 257KT และ 261KT ตามลำดับ ความสามารถในการทำกำไรของเคมีภัณฑ์พิเศษ (มูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์คลอรีน) ได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ชะลอตัว ส่วนแบ่ง EBITDA จากเคมีภัณฑ์พิเศษเฉพาะซึ่งรวมถึงอีพ็อกซีเรซินอยู่ที่ประมาณ 1/3 ในส่วนธุรกิจเคมีภัณฑ์

แผนการขยายกำลังการผลิตโซดาไฟที่ Rehla, Vilayat และ Balabhadrapuram อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการที่แตกต่างกัน โดยมีการขยายกำลังในส่วนผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์พิเศษเฉพาะด้วย

แผนรายจ่ายฝ่ายทุน CAPEX

แผนรายจ่ายฝ่ายทุนอยู่ที่ประมาณ 78,000 ล้านรูปี (ระดับกิจการเดียว) ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อการขยายกำลังการผลิตทั้งในส่วนของ VSF และธุรกิจเคมีภัณฑ์ ที่นอกเหนือไปจากรายจ่ายในการปรับปรุงความทันสมัยให้กับโรงงานหลายแห่ง โดยค่าใช้จ่ายในการลงทุนนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสามปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2020 ถึง 2022

เครือซีเมนต์ – UltraTech

UltraTech รายงานรายได้จากยอดขายสำหรับกิจการโดยรวมที่ 103,540 ล้านรูปี ส่วน EBITDA อยู่ที่ 21,410 ล้านรูปี ในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2020 ซึ่งสูงขึ้นที่ร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อน PAT อยู่ในระดับสูงขึ้นที่ 7,120 Cr เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 เทียบกับปีก่อน ปริมาณการขายแบบรวมอยู่ที่ประมาณ ~20.90 MTPA

โรงงานที่ได้มาของศตวรรษได้เพิ่มการผลิตโดยใช้กำลังการผลิต 79% ในเดือนธันวาคม 2019 การรวมแบรนด์และการดำเนินงานกำลังดำเนินไปและคาดว่าจะถึง 84% ภายในไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2021

UltraTech ได้ขายกิจการทั้งหมดใน Emirates Cement Bangladesh Ltd. และ Emirates Power Ltd. ให้แก่ Heidelberg Cement Bangladesh ที่มูลค่าองค์กรเท่ากับ BDT เท่ากับ 30.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

UltraTech Nathdwara Cement Limited ถูกผสานรวมเข้ากับระบบและกระบวนการของ UltraTech เป็นที่แล้วเสร็จ โดยโรงงานบรรลุศักยภาพสูงสุดและเป็นการเพิ่ม PBT

เครือธุรกิจบริการทางการเงิน – Aditya Birla Capital Limited (ABCL)

รายได้และกำไรสุทธิหลังส่วนของดอกเบี้ยส่วนน้อยสำหรับไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2020 (ตามรายงานของ ABCL) อยู่ที่ 43,260 ล้านรูปี และ 2,500 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นที่ 14% และ 17% ตามลำดับ

หนังสือสินเชื่อโดยรวม (NBFC และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) อยู่ที่ 601,230 ล้านรูปี (ไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2020)

NBFC และ HFC ได้เพิ่มประสิทธิภาพการผสมผสานสินทรัพย์และหนี้สินกับสภาพคล่องที่เพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการในการเติบโต

สินทรัพย์เฉลี่ยภายใต้การจัดการอยู่ที่ 2,654,750 ล้านรูปี (ไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2020)

ในธุรกิจประกันชีวิตเบี้ยประกันส่วนบุคคลปีแรกเพิ่มขึ้น 14% สู่ 12,610 ล้านรูปีใน 9 เดือนของปีงบประมาณ 2020 อัตราส่วนความคงทนต่อการเห็นการปรับปรุงที่สอดคล้องกันอัตราส่วนความคงทนต่อเดือนที่ 13 ปรับตัวดีขึ้น 562 bps เป็น 80.9% ในไตรมาส 3 ปีงบ 2020

ในธุรกิจประกันสุขภาพเบี้ยประกันภัยขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 5,470 ล้านรูปี (9 เดือนของปีงบประมาณ 2020), สูงถึงร้อยละ 73 ของปีก่อนหน้านี้

แนวโน้ม

ธุรกิจ VSF จะยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดในอินเดียโดยร่วมมือกับภาคธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งจะสามารถเสริมความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านทางแบรนด์ LIVA และการขยายเข้าสู่หมวดผลิตภัณฑ์ใหม่ VSF จะยังคงเป็นเส้นใยผ้าที่เติบโตรวดเร็วที่สุดทั่วโลก ภาวะชะงักทางเศรษฐกิจในประเทศจีนและความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในระยะที่ 1 ของสงครามการค้าของจีนในสหรัฐฯอาจนำไปสู่การปรับปรุงราคา VSF ในระยะเวลาอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตามความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นช่วงหนึ่ง

ธุรกิจเคมีภัณฑ์อยู่ระหว่างการขยายกิจการทั้งในส่วนคลอร์-อัลคาไลและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษจำเพาะ โครงการขยายอย่างต่อเนื่องที่สถานที่ต่าง ๆ และสายผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับสารเคมีชนิดพิเศษจะช่วยให้การเติบโตของธุรกิจ ในขณะเดียวกันธุรกิจกำลังมุ่งเน้นไปที่การลดต้นทุนพลังงาน (อินพุตที่สำคัญ) โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผสมผสานพลังงานและการเพิ่มส่วนแบ่งของพลังงานทดแทน

ในปูนซิเมนต์มีสัญญาณของการฟื้นฟูปรากฏขึ้นในบางตลาดในช่วงหลังของไตรมาส 3 ปีงบ 2020 สิ่งนี้ประกอบกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและแรงผลักดันในการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานทำให้เกิดการเติบโตที่ดีสำหรับความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ ด้วยการลงหลักปักฐานทั่วประเทศของบริษัท บริษัทจึงอยู่ในสถานะที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของความต้องการซีเมนต์ ถึงแม้จะมีความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นจากโครงสร้างความต้องการในบางส่วนของประเทศ อันเนื่องมาจากเหตุผลภายนอกประเทศก็ตาม

สำหรับภาคธุรกิจบริการด้านการเงิน ABCL เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ทางการเงินได้อย่างครบวงจร เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางการเงินของลูกค้าตลอดช่วงชีวิต ABCL ยืนหยัดที่จะให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการบริการด้านการเงินตั้งแต่ต้นจรดปลายให้กับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร ภายใต้แบรนด์ที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว Aditya Birla Capital

Grasim กำลังขยายตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในธุรกิจหลักและอาจมีสถานะที่ดีในการใช้ประโยชน์ในระยะต่อไปของการเติบโตทางเศรษฐกิจ