Grasim รายงานผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งสำหรับปีงบประมาณ 2019

24 พฤษภาคม, 2562

  • รายได้แบบรวมกิจการ: 729,710 ล้านรูปี สูงขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน; EBITDA: 128,200 ล้านรูปี สูงขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน
  • รายได้เฉพาะกิจการ: 205,500 ล้านรูปี สูงขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน; EBITDA: 46,390 ล้านรูปี สูงขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน
  • PAT แบบรวมกิจการ(ก่อนรายการพิเศษ): 41,120 ล้านรูปี สูงขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน
  • PAT เฉพาะกิจการ(ก่อนรายการพิเศษ): 25,740 ล้านรูปี สูงขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์
  • กำไรเงินสดเฉพาะกิจการ 34,570 ล้านรูปี สูงขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์

ผลประกอบการทางการเงินเปรียบเทียบแบบไตรมาส

หน่วยเป็นสิบล้านรูปี
เฉพาะกิจการ   รวมกิจการ
ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019 ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2018 ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019 ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2018
16% 5,352 4,612 รายได้สุทธิ 20,965 17,363 21%
6% 1,000 947 EBITDA 3,786 2,973 27%
21% 451 373 กำไรหลังภาษี (PAT) 1,145 720 59%

ธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์

รายได้สุทธิสำหรับปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 103,250 ล้านรูปี สูงขึ้นที่ 23 เปอร์เซ็นต์ ส่วน EBITDA อยู่ที่ 20,520 ล้านรูปี สูงขึ้นที่ 22 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนโดยมีสาเหตุหลักจากยอดขายและความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น รายได้สุทธิสำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2019 อยู่ที่ 26,250 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นที่ 18 เปอร์เซ็นต์ ส่วน EBITDA อยู่ที่ 4,130 ล้านรูปี สูงขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์รายงานบันทึกสถิติปริมาณการผลิตและการขายสูงสุดที่ 541 KT ในปีงบประมาณ 2019 ซึ่งสูงขึ้นที่ 8 เปอร์เซ็นต์ และ 6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งนำโดยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นภายหลังจากการแก้ไขปัญหาคอขวด สำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2019 ปริมาณการผลิตและปริมาณการขายที่จำนวน 130KT และ 139KT ตามลำดับนั้นมีการบันทึกการเติบโตขึ้นที่ 15 เปอร์เซ็นต์และ 13 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน สัดส่วนยอดขายในตลาดภายในประเทศสำหรับยอดขายโดยรวมทั้งหมดสูงขึ้นถึงร้อยละ 86 ในไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 19 จากร้อยละ 83 ในไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 18

‘Liva’ แบรนด์ VSF ของบริษัทที่ได้รับความนิยมในส่วนธุรกิจ VSF มีการขยายขอบเขตไปในหมวดผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอโดยมีการเปิดตัวแบรนด์ ‘LIVAHOME’

ปัจจุบันนี้ Liva ทำธุรกิจร่วมกับแบรนด์ค้าปลีก 40 แบรนด์ โดยมีจำหน่ายอยู่ในเอาท์เล็ต 3,500 แห่งที่อยู่ในรูปแบบเอาท์เล็ตจำเพาะของแบรนด์และร้านค้าขนาดใหญ่ ที่นอกเหนือไปจาก MBO หลายแห่งมากมายใน 250 เมืองทั่วประเทศอินเดีย ซึ่งทั้งนี้ ทำให้อัตราการบริโภคเส้นใยวิสคอสในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณภายในระยะเวลา 4 ปี โดยธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์มีการบันทึกการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยส่วนแบ่งการตลาดวิสคอสในส่วนธุรกิจเส้นใยโดยรวมมีส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นจาก 3.5 เป็น 5 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลา 4 ปี

สายงานผลิตภัณฑ์เส้นใยพิเศษแบบเพิ่มมูลค่าปริมาณ 16 KTPA เริ่มดำเนินการแล้วใน Kharach ในเดือนพฤษภาคม 2019

แผนการขยายฐานกำลังการผลิตจำนวน 219 KTPA ที่ Vilayat มีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี โดยมีการก่อสร้างอย่างเต็มกำลัง และคาดว่าจะสามารถเริ่มประกอบกิจการได้ในปีงบประมาณ 2021

ธุรกิจเคมีภัณฑ์

รายได้สุทธิสำหรับปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 64,360 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นถึง 29 เปอร์เซ็นต์ ส่วน EBITDA อยู่ที่ 18,270 ล้านรูปี สูงขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งนำโดยปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้นและความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น รายได้สุทธิสำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2019 สูงขึ้นเป็น 16,880 ล้านรูปี ซึ่งเติบโตขึ้นที่ 17 เปอร์เซ็นต์ ส่วน EBITDA อยู่ที่ 4,340 ล้านรูปี สูงขึ้นที่ 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ยอดขายโซดาไฟเกินระดับ 1 ล้านตันแล้วในปีงบประมาณ 2019 ซึ่งเป็นบริษัทแห่งแรกในประเทศที่ผ่านระดับนี้ และเป็นเกณฑ์ที่ใช้วัดระดับความสำเร็จของธุรกิจอันเด่นชัด สำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2019 การผลิตและยอดขายที่อยู่ที่ 254KT และ 261KT ตามลำดับนั้น มีการบันทึกการเติบโตที่ 16 เปอร์เซ็นต์และ 21 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน บริษัทได้ทำการเปิดตัวแบรนด์ 4 แบรนด์สำหรับคลอรีน VAP เพื่อผู้บริโภคแบบพิเศษ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการที่เน้นถึงการเพิ่มปริมาณผลิตภัณฑ์พิเศษต่าง ๆ

การเข้าซื้อกิจการคลอร์-อัลคาไลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในรัฐอานธรประเทศ (ซึ่งมีความสามารถในการผลิตที่เป็นไปได้ที่ 365KTPA) มูลค่า 2,530 ล้านรูปีในระหว่างไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2019 มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานในแถบชายฝั่งตะวันออกของอินเดียให้เป็นศูนย์กลางหลักของการบริโภคโซดาไฟ

บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1,147 KTPA เป็น 1,457 KTPA ในหลาย ๆ ทำเลที่ตั้ง ซึ่งทั้งนี้แต่ละแห่งอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการที่แตกต่างกัน

แผนรายจ่ายฝ่ายทุน CAPEX

แผนรายจ่ายฝ่ายทุน CAPEX โดยรวมจำนวน 64,540 ล้านรูปี (ในระดับเฉพาะกิจการ) อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับทั้งธุรกิจ VSF และธุรกิจเคมีภัณฑ์ ที่นอกเหนือจากรายจ่ายฝ่ายทุนเพื่อเสริมสร้างความทันสมัยให้กับโรงงานหลาย ๆ แห่ง รายจ่ายเพื่อการลงทุนนี้จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2020-2022 ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากการใช้สิทธิ์ภายใน กำไรเงินสดที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2019 มีจำนวนมากกว่า 34,000 ล้านรูปีในระดับเฉพาะกิจการ

เงินปันผล

คณะกรรมการบริหารของ Grasim เสนอเงินปันผลที่ 7.00 รูปีต่อหุ้น ซึ่งจากเดิมอยู่ที่ 6.20 รูปีต่อหุ้นในปีก่อน ซึ่งจำนวนเงินไหลออกสำหรับเงินปันผลจะอยู่ที่จำนวน 5,160 ล้านรูปี (รวมกับภาษีนิติบุคคลที่เกี่ยวกับเงินปันผล)

เครือซีเมนต์ – UltraTech

UltraTech รายงานรายได้จากยอดขายสำหรับกิจการโดยรวมที่ 109,050 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อเทียบกับปีก่อน) ส่วน EBITDA อยู่ที่ 24,590 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2019 ซึ่งสูงขึ้นที่ 30 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อเทียบกับปีก่อน) ปริมาณการขายโดยรวมมีการบันทึกการเพิ่มขึ้นที่ 16 เปอร์เซ็นต์ ตามเกณฑ์การเปรียบเทียบกับปีก่อนเป็นประมาณ 22 MTPA

รายได้จากการขายแบบรวมกิจการและ EBITDA ของ UltraTech สำหรับปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 373,790 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อเทียบกับปีก่อน) และ 72,260 ล้านรูปี สูงขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อเทียบกับปีก่อน) ปริมาณการขายโดยรวมมีการบันทึกการเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 17 ตามเกณฑ์การเปรียบเทียบกับปีก่อนเป็นประมาณ 76 MTPA

ขณะนี้ หลักการเตรียมการณ์ระหว่าง Century Textiles and Industries Limited (“Century”), UltraTech และผู้ถือหุ้นโดยลำดับ และเจ้าหนี้ (หลักการ) อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากองค์กรด้านกฎหมายบริษัทแห่งชาติ (National Company Law Tribunal) และจากหน่วยงานผู้มีอำนาจตามกฏหมายตามความจำเป็น

เมื่อเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการและการขยายศักยภาพที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ความสามารถในการผลิตซีเมนต์ของ UltraTech จะเพิ่มขึ้นเป็น 113.4 MTPA ในอินเดีย ซึ่งจะสร้างฐานความแข็งแกร่งให้เป็นผู้ประกอบการด้านซีเมนต์รายใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก (ไม่รวมประเทศจีน)

เครือธุรกิจบริการทางการเงิน – Aditya Birla Capital Limited (ABCL)

รายได้และกำไรสุทธิหลังส่วนของดอกเบี้ยส่วนน้อยสำหรับปีงบประมาณ 2019 (ตามรายงานของ ABCL) อยู่ที่ 151,640 ล้านรูปี และ 8,710 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นที่ 32 เปอร์เซ็นต์และ 26 เปอร์เซ็นต์

รายได้และกำไรสุทธิหลังส่วนของดอกเบี้ยส่วนน้อยสำหรับไตรมาสที่ 4ปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 47,300 ล้านรูปี และ 2,580 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นที่ 32 เปอร์เซ็นต์และ 52 เปอร์เซ็นต์

 บัญชีเงินกู้ NBFC (รวมถึงที่อยู่อาศัย) เติบโตขึ้นที่ 23 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 631,190 ล้านรูปี (ปีงบประมาณ 2019)

 สินทรัพย์ภายใต้การจัดการโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2,651,090 ล้านรูปี (ปีงบประมาณ 2019) ซึ่งสูงขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับธุรกิจประกันชีวิต เบี้ยประกันรับปีแรกส่วนบุคคลสูงขึ้นที่ 41 เปอร์เซ็นต์เป็น 6,910 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2019 อัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ (Persistency Ratio) ยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 78 เปอร์เซ็นต์ (ปีงบฯ 2019) ซึ่งสูงขึ้นที่ 3 เปอร์เซ็นต์

สำหรับส่วนธุรกิจประกันสุขภาพ เบี้ยประกันสุทธิที่บันทึกเพิ่มขึ้นเป็น 4,970 ล้านรูปี (ปีงบฯ 2019) ซึ่งเพิ่มเป็น 2 เท่าจากปีก่อน

การเข้าซื้อกิจการ Soktas India Pvt. Ltd. (SIPL)

การเข้าซื้อกิจการเพื่อครอบครอง SIPL ในสัดส่วนเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์โดยบริษัทด้วยจำนวนเงิน 1,350 ล้านรูปี มีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายฐานการเป็นผู้นำในส่วนธุรกิจสิ่งทอระดับพรีเมียม โดยเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับส่วนธุรกิจผ้าลินิน จากนั้น SIPL จึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น Grasim Premium Fabric Pvt. Ltd. คณะกรรมการบริหารได้ให้การอนุมัติการรวมกิจการกันระหว่างบริษัทในเครือนี้และบริษัทภายใต้กฎข้อบังคับและการอนุมัติอื่น ๆ

แนวโน้ม

ธุรกิจ VSF จะยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดในอินเดียโดยร่วมมือกับภาคธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งจะสามารถเสริมความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านทางแบรนด์ LIVA การขยายเข้าสู่หมวดผลิตภัณฑ์ใหม่ และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการผสมผสานผลิตภัณฑ์ผ่านทางส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นจากใยสังเคราะห์พิเศษ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่ากำลังการผลิตในแถบเอเซียอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลย์กันของอุปสงค์อุปทานและสร้างความกดดันต่อราคา

ธุรกิจเคมีภัณฑ์ อยู่ระหว่างการขยายกิจการทั้งในส่วนคลอร์-อัลคาไลและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ การเข้าซื้อกิจการในรัฐอานธรประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดในแถบภาคตะวันออกของอินเดีย โดยให้เป็นศูนย์กลางของการบริโภคโซดาไฟ ซึ่งในการนี้ ประกอบกับโครงการในการขยายฐานกำลังที่อยู่ระหว่างดำเนินการในสถานที่ต่าง ๆ และสายผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างโดดเด่นในอนาคตอันใกล้นี้

แรงผลักดันจากภาครัฐในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และต่อการก่อสร้างถนนคอนกรีต เครือข่ายรถไฟในเขตเมือง ท่าอากาศยาน DFC โครงการชลประทาน และการเคลื่อนไหวที่เพิ่มมากขึ้นในการดำเนินงานภายใต้โปรแกรมที่พักอาศัยราคาถูก เป็นการช่วยส่งเสริมที่ลดปริมาณจำนวนมาก ด้วยเสถียรภาพของ RERA การเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยในชุมชนเมืองยังเป็นแรงเสริมอีกทางหนึ่ง ทั้งหมดนี้คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการเติบโตของความต้องการอย่างมั่นคงสำหรับซีเมนต์ที่กำลังเดินหน้าต่อไป ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีต่ออุตสาหกรรม UltraTech ด้วยมีการขยายขอบเขตในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จึงอยู่ในสถานะที่เหมาะสมต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเติบโตของเศรษฐกิจ

สำหรับภาคธุรกิจบริการด้านการเงิน ABCL อยู่ในสถานะที่เป็นหนึ่งเดียวที่สามารถตอบโจทย์ทางการเงินได้อย่างครบวงจร เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางการเงินของลูกค้าตลอดช่วงชีวิต วิธีการที่มุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของ ABCL ภายใต้แบรนด์ Aditya Birla Capital แบรนด์เดียว ทำให้บริษัทสามารถติดอันดับการเติบโตได้อย่างแตกต่างและเป็นการเติบโตที่เป็นระบบ