Grasim รายงานผลประกอบการอันเยี่ยมยอดสำหรับไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2019

14 พฤศจิกายน, 2561

บันทึกการเติบโตรอบด้าน

คลิกที่นี่เพื่อดูงานนำเสนอ

ผลประกอบการทางการเงิน ไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2019
รายได้รวมกิจการ 167,950 ล้านรูปี; EBITDA: 28,540 ล้านรูปี
รายได้กิจการเดี่ยว 51,180 ล้านรูปี สูงขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับปีก่อน
EBITDA กิจการเดี่ยว: 13,520 ล้านรูปี สูงขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับปีก่อน
PAT กิจการเดี่ยวก่อนรายการพิเศษ: 8,170 ล้านรูปี สูงขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อน

สิบล้านรูปี
กิจการเดี่ยว   รวมกิจการ

 

ไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2019 ไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2018   ไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2019 ไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2018

 

26% 5,118 4,059 รายได้สุทธิ 16,795 13,570 24%
24% 1,352 1,054 EBITDA 2,854 2,817 1%
32% 1,113 845 กำไรก่อนหักภาษี 1,636 1,592 3%
30% 817 628 PAT
(ก่อนรายการพิเศษ)
626 613 2%

กำไรเงินสดของกิจการเดี่ยวสำหรับไตรมาสอยู่ที่ 10,410 ล้านรูปี สูงขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปีก่อน PAT สำหรับกิจการเดี่ยว (หลังรายการพิเศษ) อยู่ที่ (-) 11,870 ล้านรูปี ภายหลังคิดรายการพิเศษที่ไม่ใช่เงินสดจำนวน 20,030 ล้านรูปี  PAT สำหรับรวมกิจการ (หลังรายการพิเศษ) อยู่ที่ (-) 14,460 ล้านรูปี

ด้วยการรวมกิจการระหว่าง Vodafone India Limited และ Idea Cellular Limited สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในกิจการร่วม Vodafone Idea Limited (VIL) ขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 11.55 ซึ่งผลที่ตามมาคือ VIL ได้ยุติการเป็น ‘บริษัทในเครือ’ ของบริษัท ซึ่งมีผลตั้งแต่ 31 สิงหาคม 2018 ในการนี้ หุ้นใน PAT ของ VIL จึงไม่ได้รับการนำมาคำนวณรวม ซึ่งมีผลตั้งแต่ 31 สิงหาคม 2018 รายการพิเศษจำนวน 20,030 ล้านรูปีแสดงส่วนต่างระหว่างมูลค่าตามบัญชีและมูลค่ายุติธรรมของ VIL ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2018 ซึ่งได้รับการบันทึกไว้ในบัญชีกำไรขาดทุน อันเป็นต่อการสิ้นสุดการเป็น ‘บริษัทในเครือ’ ของ VIL

ธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์

รายได้สุทธิสำหรับไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2019 อยู่ที่ 26,060 ล้านรูปี สูงขึ้นที่ร้อยละ 23 ส่วน EBITDA อยู่ที่ 5,760 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจ VSF รายงานการผลิตและยอดขายรายไตรมาสที่ 137KT และ 136KT ตามลำดับ สัดส่วนยอดขายในตลาดภายในประเทศสำหรับยอดขายโดยรวมทั้งหมดปรับขึ้นเป็นร้อยละ 84 ในไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 19 จากร้อยละ 70 ในไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 18 ซึ่งนำโดยความต้องการที่แข็งแกร่ง

บริษัทยังคงมุ่งเน้นที่ความเป็นเลิศในการดำเนินการและการบรรลุมาตรฐานระดับสากลอย่างมั่นคง อุตสาหกรรมนำมาซึ่งการลดระดับการบริโภคน้ำที่โรงงานต่าง ๆ และก้าวสู่เกณฑ์มาตรฐานไปในทิศทางนี้

แผนการขยายกำลังการผลิตที่ 219 KTPA ที่ Vilayat มีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี มีการสั่งซื้อสินค้าชั้นนำในระยะยาวอย่างชัดเจน โดยการปฏิบัติงานที่โรงงานเริ่มขึ้นซึ่งมีพิธีเปิดในเดือนตุลาคม 2018

ธุรกิจเคมีภัณฑ์

ราคาโซดาไฟอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำโดยกำลังการผลิตที่มากขึ้นอีกครั้งในประเทศจีนและยุโรป ความต้องการโซดาไฟโดยรวมคาดว่าจะยังคงทรงตัวไปอีกระยะหนึ่ง

รายได้สุทธิสำหรับไตรมาสสูงขึ้นที่ร้อยละ 38 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนเป็น 16,120 ล้านรูปี ส่วน EBITDA สูงขึ้นถึงร้อยละ 60 จากปีก่อนเป็น 4,560 ล้านรูปี สืบเนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นและปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้น

ดยผู้บริหารยังคงเน้นให้ความสำคัญกับการเพิ่มปริมาณของผลิตภัณฑ์พิเศษ (ประเภทอาศัยคลอรีนที่เพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น)

โรงงานกรดฟอสฟอริกกำลังการผลิต 29KTPA ที่ Vilayat (รัฐคุชราต) เริ่มดำเนินการแล้ว ซึ่งทำให้ความสามารถในการผลิตของบริษัทเพิ่มไปที่ 54KTPA

แผนการลงทุน CAPEX

แผนด้านรายจ่ายฝ่ายทุนโดยรวมที่ประมาณ 75,000 ล้านรูปี (ระดับเฉพาะกิจการเดียว) อยู่ระหว่างการดำเนินงานเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจทั้ง VSF และธุรกิจเคมีภัณฑ์ ที่นอกเหนือจากรายจ่ายฝ่ายทุนสำหรับการบำรุงรักษาโรงงานต่าง ๆ  ซึ่งรายจ่ายเพื่อการลงทุนนี้จะมีการใช้จ่ายในระหว่างปีงบฯ 2019-2021ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทุนสำรองในรายจ่ายคงค้าง กำไรเงินสดที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบฯ 2019 มากกว่า 19,000 ล้านรูปี

เครือซีเมนต์ – UltraTech

UltraTech รายงานรายได้ยอดขายสำหรับกิจการโดยรวมที่ 81,510 ล้านรูปี สูงขึ้นร้อยละ 20 (เมื่อเทียบกับปีก่อน) ส่วน EBITDA อยู่ที่ 14,460 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2019 ปริมาณการขายโดยรวมมีการบันทึกการเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 18 ตามเกณฑ์การเปรียบเทียบกับปีก่อนเป็น 16.6 MTPA

UltraTech ประสบผลสำเร็จจากการรวบรวมกำลังการผลิตซีเมนต์ได้ 21.2 MTPA ในเดือนกรกฎาคม 2017 โดยในการปรับปรุงในเฟสต่อไป บริษัทอยู่ระหว่างสำรวจการลงทุนในระบบ WHRS ที่โรงงานแห่งนี้

กำลังการผลิตโดยรวมของ UltraTech จะยังคงเพิ่มไปที่ 111.1 ล้าน MTPA ภายหลังการขยายกำลังการผลิตที่ดำเนินการอยู่ และการเข้าซื้อกิจการธุรกิจซีเมนต์ของ Century Textiles and Industries Limited ดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งทั้งนี้รวมถึงกำลังการผลิตในต่างประเทศด้วย หลักการเตรียมการณ์ดังกล่าวได้รับการอนุมัติแล้วโดย CCI และผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท

เครือธุรกิจบริการทางการเงิน – Aditya Birla Capital Limited (ABCL)

รายได้ของ ABCL สำหรับไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 35,900 ล้านรูปี ซึ่งบันทึกการเติบโตขึ้นที่ร้อยละ 33 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน กำไรสุทธิของไตรมาสอยู่ที่ 1,950 ล้านรูปี เทียบกับ 2,250 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 2 ของปีก่อน โดยหากเปรียบเทียบกับปีก่อน กำไรสุทธิของไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 19 รวมกับการเพิ่มขึ้นจำนวน 340 ล้านรูปี ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยและการใช้จ่ายสำหรับแบรนด์ที่ ABCL เพียงแห่งเดียว นอกจากนี้ ผลกระทบในเชิงลบจำนวน 420 ้านรูปีกลายเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการประเมินราคายุติธรรมสำหรับการลงทุน

บัญชีเงินกู้ของ ABCL (รวมถึงที่อยู่อาศัย) เติบโตขึ้นที่ร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนเป็น 579,450 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2019 จาก 446,750 ล้านรูปี (ไตรมาส 2 ปีงบฯ 2018) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากสินทรัพย์และหนี้สินที่สมดุลย์กัน บัญชีเงินกู้มีคุณภาพในระดับสูง ด้วย NPA สุทธิที่ 93 BPS และ 71 BPS สำหรับ NBFC และ HFC ตามลำดับ

กองทุนรวมทรัพย์สินภายใต้การจัดการมีรายงานการเติบโตที่ร้อยละ 11 ที่ 2,720,000 ล้านรูปีเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน AUM หุ้นทุน อยู่ที่ 1,000,000 ล้านโดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่คงระดับที่ร้อยละ 9.04 ในไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2019 ถึงแม้ประสบภาวะที่ท้าทายทางการตลาดก็ตาม บัญชี SIP เติบโตขึ้นที่ประมาณร้อยละ 29 ของห้นทุน AUM บัญชี SIP รายเดือน (รวม STP) เกินระดับ 10,000 ล้านรูปี: โดยเติบโตขึ้นถึงประมาณ 3 เท่าจากเมื่อ 2 ปีก่อน

รายได้ Annualised Premium Income (APE) สำหรับธุรกิจประกันชีวิตเติบโตขึ้นที่ร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีการเติบโตที่ร้อยละ 10 ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2019 อัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ (Persistency Ratio) ยังคงปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยความยั่งยืนของกรมธรรม์เดือนที่ 13 ปรับดีขึ้นที่ร้อยละ 6.4 เป็นร้อยละ 74.1 ในช่วงครึ่งปีแรกปีงบฯ 2019 ของสองปีที่ผ่านมา

สำหรับส่วนธุรกิจประกันสุขภาพ เบี้ยประกันสุทธิที่บันทึกเกินกว่า 1,000 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2019

แนวโน้ม

ธุรกิจ VSF ยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดในอินเดียโดยร่วมมือกับภาคธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งจะสามารถเสริมความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านทางแบรนด์ LIVA และทำการวิจัยค้นคว้าอย่างจริงจังเพิ่มมูลค่าการผสมผสานผลิตภัณฑ์ผ่านทางส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นจากใยสังเคราะห์พิเศษ เพื่อให้สามารถทำการขยายตลาดได้ บริษัทจึงเริ่มดำเนินการขยายกำลังการผลิตของโรงงานที่ Vilayat ตามที่กล่าวไว้

ธุรกิจเคมีภัณฑ์ มีการเติบโตอย่างสวยงามโดยมีแรงฉุดจากความต้องการที่น่าพอใจตามทิศทางของอุตสาหกรรมทั้งในส่วนโซดาไฟและผลิตภัณฑ์พิเศษ  เพื่อสนองตอบต่อความต้องการจากลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทจึงริเริ่มขยายฐานของบริษัทที่ดำเนินการอยู่สำหรับโซดาไฟ ตลอดจนสารเคมีพิเศษ ซึ่งทำให้กำลังการผลิตโซดาไฟโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,310 KTPA ในปีงบประมาณ 2022

ในส่วนภาคธุรกิจซีเมนต์ ความต้องการยังเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับสาธารณูปโภคและโปรแกรมที่ได้รับการสนับสนุนโดยภาครัฐ ด้วยศักยภาพในการผลิตที่เพิ่มขึ้นที่ได้มาทั้งด้วยวิธีการตามธรรมชาติหรือไม่ใช่ก็ตาม และการเติบโตที่รวดเร็ว UltraTech จึงอยู่ในสถานะที่เหมาะสมต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเติบโตของเศรษฐกิจ

สำหรับภาคธุรกิจบริการด้านการเงิน ABCL ได้สร้างฐานสู่ตำแหน่งผู้นำในภาคธุรกิจหลายอย่าง โดยอยู่ในสถานภาพที่โดดเด่นที่เอื้ออำนวยต่อการให้การบริการทางการเงินได้อย่างครบวงจรเพื่อสนองตอบต่อความต้องการด้านการเงินของลูกค้าในทุกแง่มุมจนตลอดชั่วชีวิต ด้วยวิธีการที่เน้นการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของ ABCL ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Aditya Birla Capital” แบรนด์เดียว ทำให้บริษัทขึ้นชื่อในด้านความแปลกใหม่และเส้นทางการเติบโตที่มั่นคง

 แถลงการณ์เตือน

 แถลงการณ์ใน “ข่าวประชาสัมพันธ์” นี้ เป็นการให้ข้อมูลด้านวัตถุประสงค์ การวางแผน การประมานการ ความคาดหวังหรือคาดการณ์ ซึ่งอาจเป็น “แถลงการณ์คาดการณ์” ที่อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับว่าด้วยหลักทรัพย์ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างไปจากที่นำเสนอหรือที่กล่าวโดยนัย ปัจจัยสำคัญที่อาจสร้างความแตกต่างให้กับผลการดำเนินงานของบริษัท ได้แก่ สภาพอุปสงค์และอุปทานในอินเดียและตลาดโลก ราคาสินค้าสำเร็จรูป ความคล่องตัวของการจัดเก็บสินค้าและราคา วงจรความต้องการของตลาดและราคาตามตลาดหลักของบริษัท การเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับของภาครัฐ การจัดเก็บภาษี การพัฒนาด้านเศรษฐกิจในอินเดียและในประเทศต่าง ๆ ที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ และปัจจัยอื่น ๆ อาทิ การดำเนินคดีความและข้อตกลงด้านแรงงาน บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการแก้ไขหรือปรับปรุงแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า อันเกิดจากการพัฒนา ข้อมูลหรือเหตุการณ์ หรือสาเหตุอื่นที่เกิดขึ้นในภายหลังแต่อย่างใด