24 เมษายน, 2562
Shareเฉพาะกิจการ | การดำเนินงานในอินเดีย | เฉพาะกิจการ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019 | ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2018 | ไตรมาส 3 ปีงบฯ 2019 | ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019 | ปีงบฯ 2019 | ปีงบฯ 2018 | |
ยอดขายสุทธิ | 10,334 | 8,750 | 8,685 | 10,299 | 35,105 | 28,930 |
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี (PBIDT) | 2,353 | 1,814 | 1,515 | 2,406 | 6,992 | 6,483 |
กำไรหลังภาษี (PAT) | 1,017 | 488 | 449 | 988 | 2,456 | 2,231 |
รวมกิจการ | |||||
---|---|---|---|---|---|
ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019 | ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2018 | ไตรมาส 3 ปีงบฯ 2019 | ปีงบฯ 2019 | ปีงบฯ 2018 | |
ยอดขายสุทธิ | 10,739 | 9,168 | 9,205 | 36,775 | 30,541 |
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี (PBIDT) | 2,459 | 1,892 | 1,558 | 7,227 | 6,734 |
กำไรหลังภาษี (PAT) | 1,013 | 446 | 413 | 2,435 | 2,222 |
UltraTech Cement Limited บริษัทในกลุ่ม Aditya Birla Group ประกาศผลประกอบการทางการเงินรายไตรมาสและรายปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31มีนาคม 2019 ในวันนี้
ยอดขายสุทธิภายในประเทศสูงขึ้นร้อยละ 18 เป็น 103,340 ล้านรูปี จาก 87,500 ล้านรูปีในปีก่อน กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี อยู่ที่ 23,530 ล้านรูปี เทียบกับ 18,140 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 10,170 ล้านรูปี เทียบกับ 4,880 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบฯ 2017-2018
ยอดขายภายในประเทศก้าวกระโดดขึ้นไปที่ร้อยละ 16 จากไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2018 ความสามารถในการผลิตปูนเม็ดและโรงโม่ปูนซีเมนต์ที่ Manavar, District Dhar รัฐมัธยประเทศทรงตัว โดยมีการดำเนินงานผลิตปูนเม็ดที่มีการใช้งานเต็ม 100% ต้นทุนผันแปรสูงขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2018 อันเนื่องมาจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและผลกระทบจากการเสื่อมราคาของค่าเงินรูปี; ซึ่งลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2019
สำหรับตลอดทั้งปี ยอดขายสุทธิพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 21 เป็น 351,050 ล้านรูปีจาก 289,300 ล้านรูปีเมื่อปีก่อน กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี อยู่ที่ 69,920 ล้านรูปี เทียบกับ 64,820 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 24,560 ล้านรูปี เทียบกับ 22,310 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2018 บริษัท BCL ตกเป็นบริษัทในเครือที่ครอบครองโดยบริษัททั้งหมด โดยได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น UltraTech Nathdwara Cement Limited (UNCL) ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2018
การจัดซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งสำรองหินปูนคุณภาพสูงที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการรวมฐานให้กับสถานะผู้นำของบริษัทในตลาดที่เติบโตเร็วในภาคเหนือและตะวันตกของประเทศ การบูรณะโรงงานครั้งสำคัญมีการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต รงงานได้กระโจนเข้าสู่การใช้ความสามารถในการผลิต และบรรลุผลที่ร้อยละ 72 ในเดือนมีนาคม 2019 ภายหลังทำการอัปเกรดด้านคุณภาพแล้วเสร็จ แบรนด์ 'UltraTech' ได้เปิดตัวเป็นผลสำเร็จจากเดิมที่ในอดีตเป็นโรงงาน Binani
บริษัทอยู่ในระหว่างขายทอดตลาดสินทรัพย์ที่ไม่ใช่แก่นสำคัญที่จัดหาได้มาใน UAE / จีน การขายทอดตลาดที่ดำเนินการนี้จะนำไปใช้เพื่อพักการถดถอยของงบดุล
จากความสำเร็จในการบูรณาการความสามารถในการผลิตซีเมนต์ที่ 21.2 mtpa ที่ได้มาจาก Jaypee Associates ในเดือนมิถุนายน 2017 ซึ่งมีการดำเนินการปรับปรุงต่อมาภายหลัง ขณะนี้โรงงานเหล่านี้ดำเนินงานควบคู่ไปกับโรงงานแห่งอื่นที่มีอยู่เดิมของบริษัท
โดยโรงงานที่จัดหามาเหล่านี้ดำเนินการอยู่โดยมีการใช้ศักยภาพในการผลิตที่ร้อยละ 82 มีการปิดปรับปรุงตามแผนที่โรงงาน Bela (รัฐมัธยประเทศ) เพื่อการปรับปรุงต้นทุน ผลกำไรจากการนี้จะบรรลุเป้าหมายอย่างเต็มที่ในไตรมาสที่ 1 ปีงบฯ 2020 ด้วยบรรลุผลสำเร็จกับการคุ้มทุนในการดําเนินงานที่เป็นเงินสดแล้ว การเข้าซื้อกิจการนี้จะนำไปสู่การบรรลุจุดคุ้มทุน PBT ที่เป็นไปตามแผน
การเข้าซื้อกิจการสร้างรายรับเพิ่มขึ้นตามที่วางแผนไว้ โดยมีการเติบโตแบบเดือนต่อเดือน สำหรับการปรับปรุงในเฟสต่อไป ขณะนี้ได้รับการเสนอให้ทำการลงทุนที่โรงงาน Waste Heat Recovery System (WHRS) ปริมาณงาน 4.0 mtpa ที่โรงโม่ Bara เป็นไปตามกำหนด โดยเฟสแรกของการขยายคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานในระหว่างไตรมาสนี้
หลักการในการเตรียมการณ์ระหว่าง Century Textiles and Industries Limited (Century) บริษัท และผู้ถือหุ้นผู้มีสิทธิตามลำดับและเจ้าหนี้ (หลักการ) ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจากองค์กรด้านกฎหมายบริษัทแห่งชาติ (National Company Law Tribunal) และจากหน่วยงานผู้มีอำนาจตามกฏหมายตามความจำเป็น
ภายหลังจากที่การเข้าซื้อกิจการสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องแล้ว ความสามารถในการผลิตซีเมนต์ของบริษัทจะอยู่ที่ 113.4 mtpa ในอินเดีย ซึ่งเป็นการสร้างสถานะที่แข็งแกร่งโดยจะส่งผลให้กลายเป็นผู้ประกอบการซีเมนต์รายใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก (ไม่รวมประเทศจีน)
ในการประชุมคณะกรรมการบริหารที่จัดขึ้นในวันนี้ มีการเสนอเงินปันผลที่ร้อยละ 115 ในอัตรา 11.50 รูปี/- ต่อหุ้นสามัญ ของมูลค่าตราสารที่ตราไว้ที่ 10 รูปี/- ต่อหุ้น โดยมีมูลค่ารวมทั้งหมด 3,158.40 ล้านรูปี บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบต่อภาษีการจ่ายเงินปันผลจำนวน 649.20 ล้านรูปี ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 3,807.60 ล้านรูปี
อุตสาหกรรมซีเมนต์เริ่มมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของความต้องการตั้งแต่ปี 2018 ทำให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างทวีคูณนับตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ผ่านระยะการเติบโตที่เฉื่อยชา อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของความสามารถในการผลิตใหม่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป ความสามารถในการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นที่เสริมเข้ามาในรหว่างปีอยู่ที่ 12 mtpa จากที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นที่ราว 38 ล้านตัน ซึ่งส่งผลให้เกิดการใช้ศักยภาพอุตสาหกรรมที่ปรับปรุงดีขึ้น และจะเป็นการช่วยปรับสมดุลย์อุปสงค์-อุปทานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
แรงผลักดันจากภาครัฐในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และต่อการก่อสร้างถนนคอนกรีต เครือข่ายรถไฟในเขตเมือง ท่าอากาศยาน DFC โครงการชลประทาน และการเคลื่อนไหวที่เพิ่มมากขึ้นในการดำเนินงานภายใต้โปรแกรมที่พักอาศัยราคาถูก เป็นการช่วยส่งเสริมที่ลดปริมาณจำนวนมาก ด้วยเสถียรภาพของ RERA การเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยในชุมชนเมืองยังเป็นแรงเสริมอีกทางหนึ่ง ทั้งหมดนี้คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการเติบโตของความต้องการอย่างมั่นคงสำหรับซีเมนต์ที่กำลังเดินหน้าต่อไป ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีต่ออุตสาหกรรม
UltraTech ด้วยมีการขยายขอบเขตในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จึงอยู่ในสถานะที่เหมาะสมต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเติบโตของเศรษฐกิจ