ความท้าทายแห่งการเปลี่ยนแปลง

Mr. Aditya Vikram Birla ภายใต้แสงแห่งการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่ดูเหมือนเกินเป็นจริง คุณ Aditya Birla พิเคราะห์ถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอินเดียและแนะนำหนทางที่บริษัทจะสามารถรับมือกับความท้าทายแห่งการเปลี่ยนแปลง

ข้อคิดเห็นที่แบ่งปันโดยคุณ Aditya Birla ที่ Rotary Club แห่งเมืองบอมเบย์เมื่อวันที่ 13 กันยายน 1994

การเปลี่ยนแปลงที่เกินจริง รวดเร็ว และยากต่อการเอื้อมถึงเกิดขึ้นภายใน 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ในอินเดียแต่ทั่วทุกประเทศ ย้อนไปเมื่อสามปีก่อน เป็นการยากที่จะเชื่อว่าการเปลี่ยนรูปลักษณ์จะเกิดขึ้นในแผนเศรษฐกิจของประเทศ – ซึ่งนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เพียงแค่ธุรกิจและอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่หยั่งลงสู่ทุกจิตวิญญาณในทัศนคติของเรา ในวิธีคิดของเราและแม้แต่ในชีวิตประจำวันของเรา

ให้ผมพาคุณไปที่รูปแบบเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้คุณรู้สึกได้ถึงขอบเขตของการปฏิรูป ขนาด การผ่านไปอย่างรวดเร็ว และความตื้นลึกของการปฏิรูป และอุตสาหกรรมอินเดียเป็นโลกาภิวัฒน์ได้อย่างไรในแง่ของขนาด ความเป็นเจ้าของ การพาณิชย์และทัศนะ

ขนาด

เรามาคุยกันเรื่องขนาดก่อน โลกาภิวัฒน์และขนาดเชื่อมโยงกันจนแทบแยกกันไม่ออก อย่างที่พวกคุณทุกคนทราบ อุตสาหกรรมอินเดียนั้น ตั้งแต่สมัยเนิ่นนานมาแล้วตกอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองที่เข้มงวดที่มีการบังคับและจำกัดความสามารถตามที่สั่งอย่างเป็นทางการ ตามที่แนะนำโดยทางการเมืองที่ไม่ใช่ทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดกำลังการผลิตที่กระจัดกระจายและไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดซึ่งไม่ได้ผล

น่าแปลกใจที่ในอดีต การผลิตเพิ่มมากขึ้นเป็นอาชญากรรม ครั้งหนึ่งผมได้รับหนังสือต้องโทษคดีอาญาจากการผลิตมากเพิ่มขึ้น! ความบ้าคลั่งแบบนี้มีอยู่ในอินเดียเท่านั้นในเวลาที่ไม่นานเกินไปนักในอดีต

บางครั้งมันก็ยากที่จะเข้าใจถึงการที่มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมากในทันทีทันใดที่เกิดขึ้นกับขนาดของโรงงาน จากโรงงานที่กระจัดกระจายและมีขนาดเล็ก จนวันนี้ เราเข้าสู่สถานะที่เราภาคภูมิใจได้ที่มีโรงงานขนาดใหญ่ระดับโลกในหลาย ๆ อุตสาหกรรม

ให้ผมแสดงตัวอย่างจากกลุ่มของเราเองเพราะนี่เป็นสิ่งที่ผมรู้ดีที่สุด ทุกวันนี้ กลุ่มของเราเป็นผู้ผลิตเส้นใยวิสคอสเรยอนรายใหญ่ที่สุดในโลก เราดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมันปาล์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีกำลังการผลิตแกว่งไปแกว่งมาที่ราว ๆ 3,500 ตันต่อวัน กลุ่มของเราเป็นผู้ผลิตฉนวนรายใหญ่เป็นอันดับที่สามของโลก และเป็นผู้ผลิตคาร์บอนแบล็ครายใหญ่อันดับที่หกของโลก

นี่คือเมื่อเรามีเวลาเพียง 3 ปีเพื่อเข้าสู่กระบวนการในการเปิดเสรี ลองจินตนาการว่าความสำเร็จของเราในยุคโลกาภิวัฒน์จะเป็นอย่างไรในเวลา 10 ปีหากเรายืนหยัดอยู่ในสายงานอย่างต่อเนื่องในเส้นทางที่รุ่งโรจน์ของการเปิดเสรีในวันนี้ อุตสาหกรรมอินเดียมีบทบาทสำคัญในความรุ่งเรืองของประเทศ ความต้องการที่มีศักยภาพอย่างเต็มที่ทั้งหมดสามารถปลดปล่อยได้หากธุรกิจอินเดียเป็นธุรกิจอินเดีย

ความเป็นเจ้าของ

เปลี่ยนจากเรื่องขนาด ตอนนี้ผมขอพูดถึงความเป็นเจ้าของตราสารเงินอินเดียโดยทั่วโลก น้อยกว่า 5 ปีก่อนในปี 1990-1991 บริษัทอินเดียระดมเงินรูปีจำนวน 97,000 ล้านรูปีจากตลาดหลักในอินเดียในตอนนั้น การระดมทุนมาจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติ – โดยใช้ GDRs หรือ Euro Bond หรือการลงทุนในตลาดรอง – ที่น่าหดหู่และอื้อฉาวว่าเป็นศูนย์

โลกาภิวัฒน์เปิดประตูระบายน้ำให้กับอุตสาหกรรมอินเดียจนเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของเงินลงทุนระหว่างประเทศ จากเดิมที่หลบซ่อนอยู่ในกระดอง ตอนนี้เรากลายเป็นเปิดกว้างไปทั่วโลกโดยการเป็นเจ้าของ

การค้าและการส่งออก

ตอนนี้ผมมาที่ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งของโลกาภิวัฒน์ – การค้า อุตสาหกรรมและการค้าต้องจูงมือกัน อุตสาหกรรมอินเดียไม่สามารถเป็นโลกาภิวัฒน์ได้ถ้าไม่มีการค้าทั่วโลก

เมื่อไม่นานมานี้ อินเดียเป็นแบบผิดยุคผิดสมัย ในโลกที่เปิด – สนใจแต่ตัวเอง ถูกจำกัดขอบเขต ถูกปกป้อง ถูกห่อหุ้มและเป็นตลาดที่วายแล้วที่แทบไม่มีความสำคัญ เราไม่อาจทำให้ด้อยค่าไปมากกว่านี้ โลกพยายามสังเกตหาประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพนี้

ตอนนี้อุตสาหกรรมอินเดียถึงคราวบรรลุนิติภาวะแล้วและคู่แข่งของเราก็นำเราไปได้เบา ๆ เพียงต่อเมื่อยอมเสี่ยงเองเท่านั้น ในกลุ่มของเรา เรามีความสามารถในการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพในตลาดระหว่างประเทศ ในหลาย ๆ ขอบข่ายของผลิตภัณฑ์ เราเผชิญการต่อสู้ได้อย่างเชิดหน้า โดยไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่มีเงินอุดหนุนโดยยืนหยัดอยู่ด้วยเท้าของเราเอง

จิตวิญญาณและการวางแผนระดับสากล

โลกาภิวัฒน์ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแค่เพียงตัวเลขเท่านั้น แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ่งเข้าไปในจิตใจของเราและการวางแผนงานของเรา การเปลี่ยนทัศนะนี้สะท้อนให้เห็นในความเป็นจริงที่ว่า ในอดีตเราตั้งโรงงานด้วยวิสัยที่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ในวันนี้เราก่อตั้งอุตสาหกรรมที่มีขนาดระดับเศรษฐกิจโลกขั้นต่ำสุด เราคิดถึงไม่ใช่แค่ตลาดอินเดีย แต่เราคิดถึงโลกว่าเป็นตลาดของเรา จากทัศนะที่สนใจแต่ตัวเอง เรายังได้เริ่มมองออกไปภายนอกแล้ว

ตอนนี้เราคำนวณถึงความสามารถในการทำกำไรจากโครงการใหม่โดยไม่ได้คิดจากฐานภาษีศุลกากรในปัจจุบัน แต่จากภาษีที่ลดลงที่คาดหมายไว้เมื่อถึงเวลานั้น ก่อนหน้านี้ เราเคยจ้องแต่หาเกราะป้องกันอยู่ที่บ้านผ่านทางข้อกีดกันที่เกี่ยวกับภาษีอากร เพราะว่าตลาดในประเทศคือทั้งหมดที่เรารู้จัก

เพื่อให้เราเจาะเข้าถึงตลาดในประเทศเหล่านั้นได้ดีกว่า ความเชื่อมันอย่างแรงกล้าของผมก็คือ อินเดียจะเป็นพลังทางเศรษฐกิจระดับโลกที่ต้องเผชิญหน้า ภายในอนาคตที่ไม่ไกลเกินไป

บางครั้ง เพื่อนบางคนของเราก็หวาดวิตกเกี่ยวกับการก้าวไปอย่างช้า ๆ ของการปฏิรูปและการพัฒนาอุตสาหกรรม ผมบอกพวกเขาว่า: เด็กทารกใช้เวลา 9 เดือนถึงจะออกมาดูโลก ต้องอดทน สามปีแห่งการปฏิรูปเป็นเพียงการเริ่มต้นของดอกไม้เพลิง เราจะมองเห็นด้วยกันว่าในทศวรรษถัดไป อินเดียจะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวแห่งความสำเร็จทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่

การก่อตั้งอุตสาหกรรมในอินเดียโดยนานาชาติสำหรับตลาดท้องถิ่นและการส่งออก

ตอนนี้เรามาดูที่ผลที่เกิดขึ้นจากโลกาภิวัฒน์ของอุตสาหกรรมที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง องค์กรนานาชาติกำลังอพยพมาและแห่กันมาที่อินเดีย และสร้างแพลตฟอร์มท้องถิ่นตลอดจนตลาดส่งออก ซึ่งมีผลที่ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นจากการรุกรานนี้ สิ่งที่เป็นจริงสำหรับทุกการเปลี่ยนแปลงก็คือ ดอกกุหลาบมีหนามติดมาด้วยเสมอ ผลในทางลบอย่างหนึ่งก็คือ ในบรรดาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ ผู้ผลิตอินเดียก็ทำเสร็จไปแล้ว ซึ่งเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์อย่างเช่น น้ำอัดลม เครื่องอาบน้ำและอื่น ๆ และมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นกับขอบข่ายอื่นเช่นกัน สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างโทรทัศน์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกหลายหลายด้วยนั้น บริษัทต่างชาติก็เข้าครอบครองและมีอำนาจเหนือกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของ แล้วก็กุมอำนาจบทบาทของผู้ประกอบการอินเดีย

ขณะที่ผู้บริโภคยังได้ประโยชน์ ความเป็นผู้ประกอบการที่ยังหาได้ยากในโลกด้วยเช่นกัน ที่เป็นอันที่อินเดียโชคดีที่มีจำนวนมากก็จะสูญเสียลักษณะที่เป็นจุดเด่น ไม่ว่าการเปลี่ยนผ่านนี้จะดีหรือไม่ก็ตาม เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงหรือหายนะอย่างฉับพลันและรุนแรง

ทุกสิ่งอย่างไม่สามารถใช้ได้ดี เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับการเปลี่ยนแปลงและดิ้นรนและฟันฝ่า ไม่ต้องสงสัยว่า บริษัทอินเดียบางแห่งจะต้องล้ม บ้างก็ลุกขึ้นใหม่และหลายรายก็จะเจริญและกลายเป็นผู้กำชัยในระดับโลก

อินเดียไม่ใช่ข้อยกเว้น ปฏิรูปปรากฏการณ์ทั่วโลก

ขณะที่เราชื่นชมการปฏิรูปเศรษฐกิจของอินเดียอยู่นั้น ให้ผมวางกรอบการก้าวสู่โลกาภิวัฒน์ของอินเดียด้วย ในมุมมองที่กว้างกว่าและปรับสมดุลย์อย่างถูกต้อง ความพยายามในการปฏิรูปของอินเดียถึงแม้เป็นสิ่งที่น่าจดจำ ก็ขับเคลื่อนไปด้วยการบังคับทั่วโลก ไม่ใช่เป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาหรือพิเศษ

มันต้องทำให้เสร็จ ไม่มีทางเลือก เพราะมันเป็นทางเลือกที่มีอยู่ทางเดียว ถ้าไม่มีการปฏิรูป อินเดียก็จะกลายเป็นไม่มีความสำคัญโดยสิ้นเชิง อย่างที่นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า ‘ไม่มีพลังอะไรที่แข็งแกร่งไปกว่าไอเดียของใครเมื่อถึงเวลา’

เราไม่ควรหลอกลวงตัวเราเองว่าเราเป็นผู้บุกเบิก แท้จริงแล้ว เราถูกกวาดต้อนขึ้นมาด้วยพลังจากคลื่นและตอนนี้เราไม่มีทางเลือกนอกจากโต้คลื่นถ้าเราไม่ยอมถูกสาดกระเซ็น กล่าวได้ว่า เป็นเครดิตของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังของเราอย่างไม่มีข้อสงสัยที่รับรู้ถึงกระแสที่ครอบงำเรา จึงยับยั้งได้อย่างเฉียบขาดในอดีตและนำพาประเทศชาติเข้าสู่กระแสหลักของโลก

กงล้อแห่งการพาณิชย์

สิ่งที่เรามองเห็นขณะนี้คือการหดตัวเล็กลงของโลก เนื่องด้วยกงล้อแห่งการพาณิชย์ทำการหมุนตัวเองอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ หลักการพื้นฐานของเศรษฐกิจนั้น คือการถือสิทธิ์ตนเองและลบล้างการพิจารณาทางการเมืองที่คับแคบและผิดทิศผิดทาง ตลอดไปทั่วทั้งโลกและเป็นเวลาเดียวกันที่อุตสาหกรรมถูกตั้งถิ่นฐานและโยกย้ายไปยังทำเลที่คุ้มค่าที่สุด การปรับทำใหม่กำลังเดินหน้าต่อไปทั่วทั้งโลก มันก็ขึ้นอยู่กับอินเดียที่จะหาประโยชน์

ซึ่งนี่เป็นการมอบโอกาสให้กับประเทศที่กำลังพัฒนาเพื่อให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดระดับโลก ให้ผมอ้างถึงประสบการณ์ส่วนตัว ประเทศไทยเคยนำเข้าคาร์บอนแบล็คจากญี่ปุ่น ในวันนี้ โรงงานของเราในประเทศไทยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากโรงงานของญี่ปุ่นเท่านั้น ตอนนี้ส่งออกคาร์บอนแบล็คไปที่ญี่ปุ่น – เป็นการบุกทะลวง ประเทศไทยเคยนำเข้าอีพ็อกซีเรซินจากญี่ปุ่น ในวันนี้ โรงงานของเราในประเทศไทยส่งออกอีพ็อกซีเรซินไปให้ผู้ร่วมงานของเราเองในญี่ปุ่น – เป็นการพลิกกลับกัน ญี่ปุ่นเคยเป็นผู้ส่งออกเส้นใยวิสคอสให้กับโลก ในวันนี้ โรงงานของเราจับตลาดส่วนใหญ่ในอาเซียนได้ บีบคั้นให้ญี่ปุ่นจัดสัดส่วนน้อย ๆ 30% ของปริมาณการผลิตเส้นใยวิสคอสของประเทศตนเอง

ในภาพที่เปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจนี้ เป็นไปเพื่ออินเดียที่จะรวบรวมทุนจากโอกาสที่เกิดขึ้นนี้เพื่อทำให้เกิดอุตสาหกรรมในบริบทของโลก

บริษัทอินเดียมองออกไปภายนอก

มาตอนนี้ผมพูดไปแล้วถึงการเข้ามาในอินเดียของหลากหลายชาติ แต่เรื่องนี้จะไม่สมบูรณ์ ถ้าเราไม่รู้ถึงโอกาสที่น่าตื่นเต้นและท้าทายที่แสดงให้แก่เรา – ให้กับกลุ่มชาวอินเดียให้กลายเป็นกลุ่มหลากสัญชาติอย่างแท้จริงโดยการออกไปข้างนอก

โดยไม่ให้ฟังดูหยาบโลน ผมอยากกล่าวว่าในวันนี้ กลุ่มของเราเองมีการร่วมทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงกว่า 20 แห่งที่อยู่นอกประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการแพร่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ โดยรวมถึงอียิปต์ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย – โดยมีผลตอบแทนรวม ๆ กันแล้วกว่า 35,000 ล้านรูปี โดยตอนนี้เรามีเป้าหมายที่เวียดนาม โรมาเนีย โปแลนด์ และรัสเซีย

กระโดดข้ามไปสู่โลกาภิวัฒน์

ผมอยากชี้ให้เห็นว่าเส้นทางไปสู่โลกาภิวัฒน์นั้นถูกโปรยปรายไว้ด้วยอุปสรรค ผมจะพูดถึงอุปสรรคหลัก ๆ 3 อย่างคือ:

  • แนวคิดจากลัทธิปกป้องในประเทศที่พัฒนาแล้ว
  • การลากจูงนี้นำโดยภาคประชาชน
  • บ่วงของโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทำให้ทรุดโทรม

ลัทธิปกป้องในประเทศที่พัฒนาแล้ว

ผมคงคำพูดที่ว่า ‘เราไม่กลัวการแข่งขัน – ให้การแข่งขันเกรงกลัวเรา’ อย่างไรก็ตาม สิ่งใหม่และเป็นจริงที่ถ่วงความเจริญสำหรับอุตสาหกรรมอินเดียก็คือความจริงที่ว่า ถึงแม้ประเทศที่กำลังพัฒนากว่า 20 ประเทศจะลดข้อกีดกันที่เกี่ยวกับภาษีอากรลงแล้ว แต่ประเทศที่พัฒนาแล้ว 12 ประเทศกลับไปในทิศทางตรงกันข้ามและเพิ่มข้อกีดกันที่เกี่ยวกับภาษีอากร นอกเหนือจากข้อกีดกันทางภาษีแล้ว ยังมีภาษีการทุ่มตลาดที่ไม่เป็นธรรม และเรายังประสบกับข้อกีดกันในเชิงปริมาณ อย่างเช่น โควต้า และยิ่งทำให้เรื่องแย่ไปกว่านั้น มีการวางกรอบกฎหมายการตอบโต้การทุ่มตลาด อย่างไม่เป็นธรรมและโจ่งครึ่มเพื่อข้อได้เปรียบของประเทศที่พัฒนาแล้ว มาตรการเหล่านี้เป็นการยับยั้งโลกาภิวัฒน์ของอุตสาหกรรมอินเดีย

ในการเจรจากับประธานของธนาคารโลก ผมกล่าวต่อท่านด้วยความนับถือว่าเราได้ลดข้อกีดกันทางภาษีของเราลงเพื่อตอบสนองต่อโอวาทของธนาคารโลก

ขณะที่เราทำแบบนี้ ประเทศที่พัฒนาแล้วกลับเพิ่มข้อกีดกันทางภาษี ด้วยความปวดร้าว ผมกล่าวว่า ‘ทำไมคุณไม่บอกให้พวกเขาลดข้อกีดกันทางภาษีบ้างครับ’ หลักจากโต้แย้งกันอยู่นาน โดยท่านได้แก้ต่างให้กับประเทศที่พัฒนาแล้ว ท้ายที่สุดท่านประธานก็ให้เหตุผลและตรรกะโดยบอกว่า ‘คือ คุณ Birla ครับ ความแตกต่างระหว่างประเทศของคุณกับประเทศที่พัฒนาแล้วนี่มันง่ายมาก – คือพวกเขาเป็นผู้ให้ยืม และคุณเป็นผู้ยืม’ ถ้าอย่างนั้นเราก็ให้โอวาทพวกเขาไม่ได้’

ดังนั้น เพื่อให้โลกาภิวัฒน์ของอุตสาหกรรมดำเนินต่อไป เราต้องต่อสู้ในทุก ๆ เวทีระหว่างประเทศ เพื่อเปิดอาณาเขตและทำให้การเข้าถึงตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้วได้อย่างอิสระมากกขึ้น

ภาระหน้าที่ของภาครัฐไร้ประสิทธิภาพ

ตราบใดที่การทำงานของภาระหน้าที่ยังเกี่ยวข้องอยู่ ผมก็ต้องขอกล่าวซ้ำถึงสิ่งที่ผมวิงวอนในกรุงเดลี – ว่าถ้าจะให้อุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพ บริษัท PSU ต่าง ๆ ที่คอยป้อนปัจจัยหลักอย่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ถ่านหิน พลังงาน การขนส่ง ฯลฯ ก็ต้องมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจัยเหล่านี้เป้นตัวที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการผลิตส่วนใหญ่ของเรา เพื่อให้ภาระหน้าที่ของภาครัฐมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่สายสะดือระหว่างกรุงเดลีและภาครัฐต้องถูกตัดให้ขาด ก่อนที่ทั้งแม่และทารกจะต้องเสียใจ

ถ้าภาครัฐมีประสิทธิภาพ เราก็จะมีประสิทธิภาพด้วย; ถ้าพวกเขาไม่มีประสิทธิภาพเราก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น คำแนะนำแรกของผมคือ: ให้รัฐบาลกลางขายหุ้น 51% ของภาระหน้าที่ภาครัฐให้กับมหาชน

โครงสร้างพื้นฐานที่ขาดแคลนและแตกหัก

ในการต้อนรับใครบางคนเป็นพิเศษ เราไม่ควรยับยั้งความรู้สึกเป็นสุขของตัวเราเอง อุตสาหกรรมต้องการโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างพื้นฐานที่ขาดแคลน และมีเสียงอ๊อดแอ๊ดและการแตกร้าวที่รอยต่อในตอนนี้เป็นสิ่งที่เป็นคอขวดที่ส่งผลโดยตรง ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกระอักกระอ่วน

พลังงานมีการขาดแคลนอย่างเรื้อรังทั่วทั้งประเทศ โชคไม่ดีที่ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับพลังงาน รัฐบาลยอมรับการสะสางโครงการพลังงานโดยพิจารณาเป็นกรณีไป แต่การเปิดเสรียังเอื้อมไม่ถึงภาคส่วนนี้ ซึ่งควรมีคำแนะนำที่โปร่งใส นอกจากนี้ ผู้มีความสามารถที่ดีที่สุดและมากที่สุดอาจไม่จำเป็นที่ต้องเป็นผู้ที่ถูกเลือกมาด้วยการประเมินจากความคิดเห็นส่วนตัว ที่เป็นปรปักษ์ต่อวัตถุประสงค์และเกณฑ์กำหนดที่โปร่งใส

ผมจะยกตัวอย่างเกี่ยวกับความโปร่งใสเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการเลือกผู้ที่ดีที่สุดเป็นแบบใด ซึ่งคงเป็นโมเดลสำหรับอินเดีย ในประเทศไทยนั้น มีห้าฝ่ายที่อาสาตั้งโรงงานคาร์บอนแบล็ค ถึงแม้ว่ามีความต้องการตั้งโรงงานเพียงสองแห่ง รัฐบาลเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและไม่ทราบว่าจะรับมือกับสถานการณ์อย่างไร โดยไม่ใด้แสดงความประทับใจต่อการช่วยเหลือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อแก้ปัญหานี้ พวกเขาขอให้ทุกฝ่ายวางหนังสือค้ำประกันของธนาคารที่แลกเป็นเงินสดได้เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของโครงการหากฝ่ายนั้นทำโครงการล้มเหลว มีสองฝ่ายที่วางหนังสือค้ำประกันธนาคาร – กลุ่มเราและฝ่ายชาวไทยอีกแห่งหนึ่ง ขณะที่รายอื่น ๆ ถอนตัวออกไป นี่คือความโปร่งใสสำหรับคุณ

งานสำหรับอุตสาหกรรมอินเดีย: รอยเท้าเพื่อก้าวไปยังศตวรรษที่ 21

ผมพูดมามากพอแล้วถึงกระแสกว้าง ๆ ของโลกาภิวัฒน์ ตอนนี้ขอให้ผมพูดสั้น ๆ ถึงสิ่งที่ผมเชื่อ อุตสาหกรรมอินเดียจำเป็นต้องรุ่งเรือง เต็มไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ และมองออกไปข้างนอกเพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ผมเชื่อว่า มีคำสอนพื้นฐานที่แท้จริงที่ต้องปฏิบัติตาม และเหล่านี้ไม่สามารถมีการประนีประนอม:

ขณะก่อตั้งโรงงาน อย่าดูที่ตลาดอินเดียอย่างเดียว ให้ดูตลาดโลกด้วย ให้ตั้งโรงงานขนาดระดับโลกที่ประหยัด อดีตที่กำลังการผลิตอยู่กระจายกันนั้นผ่านไปแล้ว

อย่างที่สอง ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่หาได้จากทั่วโลก อย่าประนีประนอมโดยใช้สิ่งที่ดีที่สุดเป็นอันดับสอง เลือกเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ที่มั่นใจได้ถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและแน่ใจได้ว่าคุ้มค่า เพื่อให้ต้านทานได้ต่อการแข่งขันระหว่างประเทศที่โหดร้าย

อย่างที่สาม จัดตั้งสถาบัน R&D และใช้มันให้เกิดผล เมื่อเราแข็งแรงขึ้น เราจะพบว่ามันยากที่จะหาเทคโนโลยี ในวันนี้ ไม่มีใครมอบเทคโนโลยีให้กับกลุ่มของเราสำหรับ VSF คาร์บอนแบล็คหรือฉนวน พวกเขาเห็นเราเป็นภัยคุกคามอาณาเขตของพวกเขา; ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีของเราเองผ่านทางหน่วยงาน R&D ภายใน

อย่างที่สี่ บทเรียนอย่างหนึ่งที่ผมอยากแบ่งปันกับพวกคุณก็คือ: ต้องไม่ประนีประนอมกับคุณภาพ ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม มันเป็นการกระทำที่ราคาแพง ในการวิเคราะห์ท้ายสุดคุณภาพให้สิ่งตอบแทนเสมอและตอบแทนได้อย่างสวยหรูด้วย ผมพูดได้เพราะนี่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง

ท้ายที่สุดแต่มีความสำคัญไม่ท้ายสุด พร่ำสอนปรัชญาเกี่ยวกับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุกแง่มุมของกิจกรรมการบริหาร จิตวิญญาณ ปรัชญานี้ต้องแผ่ซ่านออกไป ให้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพ การตัดราคา การจัดการด้านแรงงานและพนักงาน R&D ภายใน การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีล่าสุด มีเพียงความอุตสาหะ ความแน่วแน่ และความตั้งใจเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ที่รับรองได้ว่าบริษัทอินเดียจะสามารถรักษาไว้ซึ่งต้นทุนและความสามารถในการแข่งขันที่มีคุณภาพ อยู่รอดและมุ่งเข้าสู่กระแสการเปลี่ยนแปลงที่โหดร้ายของโลกาภิวัฒน์

ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เผยให้เห็นถึงบทบาทที่เหนือจริงของโลกาภิวัฒน์ของอินเดีย

  • ถูกขับเคลื่อนโดยกระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่พัดมาอย่างเต็มที่
  • ถูกขับเคลื่อนด้วยความหวังและความทะเยอทะยานของผู้คนในอินเดีย
  • ถูกขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน และเหนือสิ่งอื่นใด
  • ถูกขับเคลื่อนด้วยความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อของผู้ประกอบการอินเดีย