Idea Cellular ประกาศผลประกอบการทางการเงินของบริษัทที่ผ่านการสอบบัญชีตามมาตรฐาน Ind AS สำหรับไตรมาสที่สี่ (Q4) และรอบสิ้นปี สิ้นสุด 31 มีนาคม 2018

28 เมษายน, 2561

ไฮไลท์ ผลประกอบการ1กิจการเดี่ยว

รายได้รูปี 61,373 ล้านEBITDAรูปี 14,473PATรูปี -10,179 ล้าน

ล้าน รูปี

 

ไตรมาส 4 ปีงบฯ 18 ไตรมาส 3 ปีงบฯ 18 ปีงบฯ 18 ปีงบฯ 17 เทียบกับปีที่ผ่านมา

รายได้ - พื้นที่ให้บริการเดิม3

56,971 60,660 262,654 329,586 -20.3%

รายได้ - พื้นที่ให้บริการใหม่4

4,403 4,437 20,136 26,171 -23.1%

รายได้รวม

61,373 65,097 282,789 355,757 -20.5%

EBITDA – พื้นที่ให้บริการเดิม3

15,504 14,001 66,156 107,880 -38.7%

EBITDA - พื้นที่ให้บริการใหม่4

-1,031 -1,768 -5,680 -5,444 -4.3%

EBITDA ทั้งหมด

14,473 12,233 60,476 102,436 -41.0%

EBITDA % - พื้นที่ให้บริการเดิม3

27.2% 23.1% 25.2% 32.7% -7.5%

EBITDA % - พื้นที่ให้บริการใหม่4

-23.4% -39.8% -28.2% -20.8% -7.4%

EBITDA%

23.6% 18.8% 21.4% 28.8% -7.4%

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย

20,854 21,414 84,091 78,272 7.4%

กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี

-6,382 -9,181 -23,615 24,163 NA

ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายทางการเงิน (สุทธิ)

9,743 11,490 44,600 37,014 20.5%

เงินปันผลจากบริษัท Indus

0 0 2,657 3,623 -26.6%

กำไรก่อนหักภาษี

-16,124 -20,671 -65,558 -9,228 NA

PAT (กิจการเดี่ยว 1)

-10,179 -13,519 -41,628 -4,075 NA

กำไรเงินสด5 (กิจการเดี่ยว)

4,377 200 17,069 69,386 -75.4%

ส่วนแบ่งกำไรจาก Indus และ ABIPBL

744 818 3,224 4,218 -23.6%

ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจากรายได้ของ Indus

187 145 620 518 19.7%

รายได้รวมอื่น (ภาษีสุทธิ)

316 -11 283 -43 NA

รายได้รวมทั้งหมด (รวมกิจการ 2)

-9,306 -12,856 -41,399 -4,040 NA

เป็นปีที่ท้าทายอีกปีหนึ่ง แนวโน้มการเติบโตระยะยาวเป็นที่ประจักษ์

อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของอินเดียประสบภาวะการแข็งขันที่รุนแรง ตลอดจนมรสุมจากข้อบังคับต่าง ๆ มีการแข่งขันด้านราคาแพ็คเก็จบริการอย่างรุนแรง รวมถึงการกระหน่ำลดราคาแพ็คเก็จข้อมูลแบบไม่จำกัดการใช้เสียงที่ออกโดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่เพื่อรักษาฐานลูกค้า ทั้งนี้เพื่อต่อกรกับผู้ให้บริการ 4G รายใหม่ที่ออกแพ็คเกจในราคาที่ต่ำมาก ซึ่งทำให้ปริมาณการใช้เสียงและข้อมูลสูงขึ้นหลายเท่าตัว หากแต่ทำให้อัตรา ARPU ลดดิ่งลง ซึ่งทำให้ AGR (Adjusted Gross Revenue) ของภาคอุตสาหกรรมต่ำลงไปเกือบ 322 พันล้านรูปี @ร้อยละ 21.7 (ปี ค.ศ. 17 เทียบกับ ค.ศ. 16) ซึ่ง Idea ประสบกับการลดลงน้อยที่สุดของส่วนแบ่งการตลาดเชิงรายได้ AGR จากร้อยละ 20.0 ในปี ค.ศ. 2016 เหลือร้อยละ 19.5 ในปี ค.ศ. 2017 จึงยังเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่ติดอันดับท็อป 3 อันดับแรกถึงแม้ผู้ให้บริการ 4G รายใหม่จะได้ประโยชน์เป็นส่วนใหญ่

หน่วยงานกำกับกิจการโทรคมนาคมของอินเดีย (TRAI) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกฎข้อบังคับ ซึ่งรวมถึง (ก) การลดลงของ ‘Mobile Termination Charge (MTC) ภายในประเทศ โดยลดลงจาก 14 ไปซา (paisa) เหลือ 6 ไปซาต่อนาที (มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2017) และ (ข) ระเบียบข้อบังคับว่าด้วยค่าบริการระหว่างประเทศ ‘International mobile termination’ ที่ลดลงจาก 53 ไปซา เหลือ 30 ไปซาต่อนาที (มีผลตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2018) ซึ่งยิ่งสร้างความกดดันให้กับผู้ประกอบการปัจจุบันในอุตสาหกรรม ส่งผลให้ผู้ให้บริการรายย่อยอย่างน้อยห้ารายต้องถอนตัว/รวมตัวกัน

อย่างไรก็ตาม ทิศทางเหล่านี้มิได้สะท้อนถึงโอกาสในระยะยาวที่เกิดขึ้น – (1) อุตสาหกรรมได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งโดยรวมกันระหว่างผู้ให้บริการเอกชนสามรายใหญ่ (2) ผู้ใช้มัลติซิม (Multi SIM) รวมไปใช้บริการต่าง ๆ จากผู้ให้บริการรายเดียว (3) ผู้ใช้ลงทะเบียนมีจำนวนเพิ่มขึ้น / อัปเกรดบรอดแบรนด์สูงขึ้น (4) ชาวอินเดียเกือบ 300-400 คน ซึ่งอาศัยในเขตชนบทห่างไกล ยังไม่เคยใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่

การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างในการบริโภคการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่

การกระหน่ำลดราคาแพ็คเกจการใช้เสียงและข้อมูลได้ไม่จำกัดโดยผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในระหว่างปีงบประมาณ 2018 ทำให้การบริโภคบริการทางโทรศัพท์เคลื่อนที่เกิดภาวะการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง อัตราการใช้เสียงต่อหนึ่งผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 577 นาทีในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2018 จากเดิม 412 นาทีในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2017 ในทำนองเดียวกัน อัตราการใช้บรอดแบรนด์ต่อผู้ลงทะเบียนบรอดแบรนด์พุ่งขึ้นเป็น 7GB ในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2018 เปรียบเทียบกับ 1.4GB ในปีก่อน ปริมาณข้อมูลบรอดแบรนด์ 1,984 พันล้าน MB เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นถึงเกือบหกเท่า (ปีงบฯ 18 และ ปีงบฯ 17) ด้วยการใช้ข้อมูลไร้สายในปีงบประมาณ 2018 มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากแพ็คเก็จแบบไม่จำกัด Idea จึงมีจำนวนผู้ใช้ข้อมูลบรอดแบรนด์เพิ่มขึ้นอีก 15.1 ล้านรายในปีนี้ ซึ่งส่งผลบวกต่ออัตราส่วนแบ่งตลาดบรอดแบรนด์โดยรวมจากประมาณร้อยละ 13.0 ในปีงบประมาณ 2017 เป็นเกือบร้อยละ 20.5 ในปีงบประมาณ 2018 ฐานผู้ใช้บริการลงทะเบียนบรอดแบรนด์ไร้สาย (EoP) ของบริษัทขณะนี้มีอยู่ 39.8 ล้านรายจากผู้ใช้ข้อมูลมือถือทั้งหมด 46.8 ล้านราย ในทำนองเดียวกัน Idea มีผู้กลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ 12.2 ล้านราย โดยเป็น ‘การเพิ่มขึ้นของลูกค้าสุทธิ’ สำหรับ VLR ในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2018 Idea ปรับปรุง ‘ส่วนแบ่งตลาดผู้ลงทะเบียน’ (VLR) จากร้อยละ 19.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เป็นร้อยละ 20.9 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 โดยฐานผู้ลงทะเบียน (VLR ) ทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ 207.7 ล้านราย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2018

การลงทุนที่โดดเด่นดำเนินการไปเป็นอย่างดีเพื่อขยายโครงสร้างบรอดแบรนด์ไร้สาย

ระหว่างปีงบประมาณ 2018 Idea ยังคงขยายโครงสร้างบรอดแบรนด์ไร้สายอย่างจริงจังโดยเพิ่มจุดบริการบรอดแบนด์ 44,856 จุด (3G+4G) ในระหว่างปี จุดบริการบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นจาก 110,054 จุด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2017 เป็น 154,910 จุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2018 ซึ่งทำให้เครือข่าย EoP โดยรวมมีอยู่ถึง 286,356 จุดแล้ว (GSM+3G+4G) การครอบคลุมประชากรของเครือข่ายบรอดแบรนด์ไร้สายขณะนี้เพิ่มขึ้นสู่ชาวอินเดียเกินกว่า 650 ล้านคน ครอบคลุมพื้นที่ 164,000 เมืองและหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ให้บริการ 22 เขต Idea ได้เริ่มใช้คลื่นความถี่ 2300 MHz TDD ในบริเวณจุดสำคัญที่เป็นผู้นำในรัฐมหาราษฎระและรัฐเกรละ และใช้คลื่นความถี่ 2500 MHz TDD ในรัฐอานธรประเทศเพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพให้กับบริการข้อมูลไร้สาย บริษัทได้ขยายเครือข่ายไฟเบอร์จาก 115,500 กม. (31 มีนาคม 2016) เป็น 156,800 กม. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2018 อีก Idea ยังเปิดตัวบริการ Voice over LTE (VoLTE) สำหรับพนักงานในจุดบริการหลักเมื่อเร็ว ๆ นี้ และมีกำหนดเปิดให้บริการ VoLTE ต่อลูกค้าเป็นเฟสตั้งแต่พฤษภาคม 2018 เป็นต้นไป รายจ่ายฝ่ายทุนตลอดปีทั้งหมดอยู่ที่ 70 พันล้านรูปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุนขยาย 4G มูลค่าการลงทุนรวมในทรัพย์สินถาวรของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1,255 พันล้านรูปี การสร้างรายได้จากการลงทุนมหาศาลในคลื่นความถี่และอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของ Digital India ที่ต้องรวบรวมคลื่นความถี่และทำการปรับปรุงส่วนแบ่งการตลาดอินเทอร์เน็ตมือถือ

อัตราค่าบริการยังคงลดลงในไตรมาส 4 ปีงบฯ 18

ปริมาณการใช้เสียงที่พุ่งสูงขึ้นอันสืบเนื่องจากแพ็คเกจการใช้แบบไม่จำกัด ส่งผลให้เป็นไตรมาสต่อเนื่องที่ Idea มีปริมาณการใช้เสียงต่อนาทีเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ร้อยละ 16.9 ในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2018 (จากฐานเดิมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 ในไตรมาส 3 ปีงบฯ 18) ปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ทำให้ ‘อัตราค่าบริการเสียง’ (รวมถึงผลกระทบจากการลดอัตราค่าบริการ IUC) ลดลงร้อยละ 20 เป็น 13.4 ไปซาต่อนาที (เดิมคือ 16.8 ไปซาต่อนาทีในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2018) ในทำนองเดียวกัน ปริมาณข้อมูลมือถือ (2G+3G+4G) ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนอย่างมีนัยสำคัญที่ร้อยละ 43.2 (สืบเนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องรายไตรมาสที่ 30.2 ในไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2018) โดยเครือข่ายข้อมูลของ Idea ทั่วประเทศอินเดียรองรับปริมาณข้อมูล 818 พันล้าน MB ในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม ‘อัตราค่าบริการข้อมูลมือถือ’ ลดลงเหลือ 1.4 ไปซาต่อ MB ซึ่งเป็นการลดลงถึงร้อยละ 31.4 จาก 2.0 ไปซาต่อ MB ในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2018 ความเคลื่อนไหวของจำนวนผู้ใช้ลงทะเบียนยังคงแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 6 ล้านรายสำหรับ EoP ในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2018 หากแต่โดยรวมแล้ว รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ ARPU ถูกลดลงมาจาก 114 รูปีในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2018 เหลือ 105 รูปี ในไตรมาส 4 ปีงบฯ 18 เนื่องจากการแข่งขันมีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งทั้งนี้ทำให้เป็นไตรมาสต่อเนื่องที่มีรายได้ลดลงร้อยละ 5.7 เหลือ 61,373 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 18 (จาก 65,097 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 18) โดยรวมกับผลกระทบรายได้จำนวน 520 ล้านรูปีจากการลดอัตราระหว่างประเทศ IUC จาก 53 ไปซา เป็น 30 ไปซาต่อนาที 1 กุมภาพันธ์ 2018 EBITDA ของไตรมาสนี้อยู่ที่ 14,473 ล้านรูปี

ผลประกอบการทางการเงินโดยรวมยังคงอยู่ภายใต้ภาวะกดดันในปีงบประมาณ 2018

ระหว่างปี มีปัจจัยที่ส่งผลในเชิงลบสองอย่างคือ (ก) การลดอัตราค่าบริการ MTC ทั้งภายในและระหว่างประเทศ และ (ข) ความกดดันต่อเนื่องจากอัตราค่าบริการเสียงและข้อมูลมือถือ เนื่องจากผู้ใช้ ARPU จำนวนมากหันไปใช้ ‘แพ็คเกจข้อมูลแบบไม่จำกัด’ ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมของ Idea ในปีงบประมาณ 2018 ลดลงร้อยละ 20.5 เป็น 282,789 ล้านรูปี (จากรายได้ 355,757 ล้านรูปีในปีงบฯ 17) อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเล็งเห็นผลดีจากการเติบโตของอินเดีย และยังคงจะดำเนินการขยายขอบเขตการดำเนินการ โดยช่วงเวลาที่ว้าวุ่นนี้ส่งผลกระทบต่อ EBITDA ของ Idea ในระหว่างปีงบประมาณปัจจุบันที่ร้อยละ 41.0 เป็น 60,476 ล้านรูปี (จาก 102,436 ล้านรูปีในปีงบประมาณ 2017) กำไรขั้นต้น EBITDA สำหรับปีลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 21.4 จากร้อยละ 28.8 ในปีงบประมาณ 2017 ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมุ่งเน้นถึงการใช้จ่ายในการดำเนินการที่เหมาะสมที่สุดตามกรอบการลงทุนใหม่ที่ตั้งไว้ ‘ค่าเสื่อมราคาและค่าจัดจำหน่าย’ และ ‘ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายด้านการเงิน (สุทธิ)’ สำหรับปีงบประมาณ 2018 อยู่ที่ 84,091 ล้านรูปี และ 44,600 ล้านรูปีตามลำดับ ส่งผลให้ PAT ของกิจการเดียวขาดทุนอย่างไม่ได้คาดหมายที่ 41,628 ล้านรูปีในปีงบประมาณ 2018 (เทียบกับผลขาดทุน PAT ที่ 4,075 ล้านรูปีในปีงบประมาณ 2017) รายได้รวมทั้งสิ้นของกิจการโดยรวม (ซึ่งรวมถึงส่วนจาก Indus และ ABIPBL) ขาดทุนที่ 41,399 ล้านรูปีในปีงบประมาณ 2018 (เทียบกับขาดทุน 4,040 ล้านรูปีในปีงบประมาณ 2017) ‘หนี้สินสุทธิ’ ณ 31 มีนาคม 2018 อยู่ที่ 523.3 พันล้านรูปี ซึ่งรวมถึงหนี้สินส่วนใหญ่จาก ‘การประมูลคลื่นความถี่ที่อยู่ระหว่างรอการตัดบัญชี’ ที่ผูกพันกับ DoT จากการประมูลคลื่นความถี่

อัปเดทเรื่องการรวมกิจการ

การควบรวมกิจการระหว่าง Idea และ Vodafone India อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการขออนุมัติตามกฎหมาย โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงครึ่งหลังของปี ค.ศ. 2018 โดยคณะทำงานผู้เป็นแกนนำเพื่อการควบรวมกิจการที่ได้รับการเสนอได้ประกาศรายชื่อแล้วเมื่อ 22 มีนาคม 2018 ทั้งสองบริษัทได้จัดตั้งคณะทำงานบริหารโครงการที่เกี่ยวข้องแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการควบรวมกิจการและริเริ่มการวางแผนในรายละเอียดสำหรับรายจ่ายฝ่ายทุนที่กำหนดและประสานงานเพื่อระบบบริหารจัดการ opex ขณะนี้ ทั้งสองบริษัทอยู่ภายใต้โปรแกรม ‘การใช้โครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมร่วมกัน’ และ ‘การจัดเตรียม 2G และ 4G ICR’ ในเขตบริการหลายพื้นที่ ซึ่งมีการแบ่งปันกันราว 49,000 จุด อีกยังมีโปรแกรม Planned Fibre และการแชร์ PoP ที่ดำเนินการอยู่ใน 220 เมืองในพื้นที่ให้บริการโทรคมนาคม 22 เขต

อัปเดทเกี่ยวกับการสร้างรายได้จากทรัพย์สินอาคารเดี่ยว

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2017 Idea และ Vodafone ได้แยกกันประกาศขายธุรกิจอาคารเดี่ยวในอินเดียให้กับ ATC Telecom Infrastructure Private Limited (“American Tower”) เพื่อการรวมกิจการมูลค่า 78.5 พันล้านรูปีเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับงบดุลของกิจการที่ควบรวม โดย Vodafone India ได้รับเงินจำนวน 38.5 พันล้านรูปีจากการขายอาคารเดี่ยวแล้ว ส่วน Idea คาดว่าจะได้รับเงินตามตกลงจำนวน 40 พันล้านรูปีในช่วงครึ่งแรกของปี ค.ศ. 2018 ภายหลัง American Tower ได้รับการอนุมัติจาก FDI ในการจัดหา ICISL (สาขาย่อยอาคารของ Idea 100 เปอร์เซ็นต์) การรับเงินจำนวนนี้ก่อนเสร็จสิ้นการดำเนินการเป็นสิ่งที่คาดหวังและเตรียมการไว้สำหรับข้อตกลงการควบรวม แต่อย่างไรก็ตามจะไม่มีผลต่อข้อตกลงการควบรวมกิจการระหว่าง Vodafone India และ Idea ซึ่งรวมถึงภาระหนี้สินที่ Vodafone จะให้การสนับสนุนต่อกิจการที่ควบรวมเมื่อดำเนินการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ

Idea สามารถเพิ่มทุนจำนวน 67.5 พันล้านรูปีเป็นผลสำเร็จ โดยสร้างรายได้จาก Indus Tower

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2018 บริษัทได้ออกหุ้นและแบ่งสรรหุ้นจำนวนประมาณ 326.6 ล้านหุ้น ที่มีมูลค่า 99.50 รูปีต่อหุ้นตามสิทธิ์ให้กับกลุ่มผู้ก่อตั้งจำนวน 32.5 ล้านหุ้น บริษัทยังประกาศปิดการระดมทุนผ่าน ‘Qualified Institutional Placement’ เป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2018 และแบ่งสรรหุ้นจำนวนประมาณ 424.2 ล้านหุ้นให้กับผู้ซื้อ โดยมีมูลค่า 82.50 รูปีต่อหุ้น และมีมูลค่าโดยรวมที่ประมาณ 35 พันล้านรูปี การเพิ่มทุนจำนวน 67.5 พันล้านรูปีทำให้หนี้สินสุทธิของ Idea ลดลง ซึ่งทั้งนี้จะทำให้การสนับสนุนต่อหนี้สินสุทธิจาก Vodafone ในกิจการที่ควบรวมลดลงไปตามสัดส่วน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในวันที่ 25 เมษายน 2018 การควบรวมกิจการระหว่าง Bharti Infratel และ Indus Towers ได้รับการประกาศ ซึ่งจะเป็นการก่อตั้งบริษัทโครงสร้างพื้นฐานอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ไม่รวมประเทศจีน) โดยมีอาคารถึง 163,000 แห่งทั่วประเทศอินเดีย สำหรับสัดส่วนของ Idea ร้อยละ 11.15 ใน Indus นั้น Idea มีทางเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งคือ: (1) ขายหุ้นสัดส่วนร้อยละ 11.15 ใน Indus Tower เป็นเงินสดโดยใช้สูตรการประเมินราคาที่เชื่อมโยงกับ VWAP สำหรับหุ้นของ Bharti Infratel ในระหว่าง 60 วันที่ทำการขายซื้อขายช่วงสุดท้ายของช่วงเวลาการคัดเลือกของ Idea ซึ่งเป็นการชักนำหลังการเสร็จสิ้นการอนุมัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการควบรวมกิจการ ซึ่งการคำนวณในช่วงนี้ประเมินมูลค่าเป็นเงินสดได้ประมาณ 65 พันล้านรูปี หรืออีกทางหนึ่งคือ: (2) รับเข้าหุ้นใหม่จากบริษัทควบรวมที่ใหญ่ขึ้น โดยพิจารณาจากอัตราควบรวม (1.565 หุ้น Bharti Infratel ต่อทุก 1 หุ้น Indus Tower) ซึ่งการดำเนินการนี้ต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานผู้เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2019 การลงทุนหุ้นใหม่ การขายธุรกิจอาคารเดี่ยวของ Idea และ Vodafone India มูลค่า 78.5 ล้านรูปี และการสร้างรายได้จากอัตราส่วนร้อยละ 11.15 ใน Indus Tower จะเป็นการเพิ่มแหล่งเงินทุนให้กับกิจการควบรวมในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกัน Idea จะยังคงความแคล่วคล่อง ยืดหยุ่น ปรับตัวง่าย และเน้นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานต่อไป บริษัทยังคงยึดมั่นที่จะขยายการครอบคลุมและเพิ่มความสามารถในการรองรับ รักษาสมดุลด้านการใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน Idea คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการเร็วกว่าที่คาดการณ์ และกิจการที่ควบรวมนี้จะเป็นการสร้างผู้ประกอบการธุรกิจบริการด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดในอินเดียทั้งในด้านบริการเสียงและบริการบรอดแบรนด์ผ่านแพลตฟอร์ม 2G, 3G และ 4G

หมายเหตุ:

1. Idea กิจการเดี่ยวหมายถึง Idea และบริษัทในเครือทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ การนำปฏิบัติการทั้งหมดมารวมเข้าไว้ด้วยกัน โดยไม่รวม Indus และ Aditya Birla Idea Payments Bank Limited (ABIPBL) เป็นการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ
2. Idea รวมกิจการ หมายถึง บริษัท Idea แต่เพียงผู้เดียว และรวมถึงสัดส่วนจาก Indus และ Payments Bank ในระดับ PAT
3. พื้นที่ให้บริการเดิม หมายถึงพื้นที่ให้บริการ 15 แห่ง ได้แก่ รัฐมหาราษฎระและรัฐกัว รัฐคุชราต รัฐอานธรประเทศ รัฐมัธยประเทศ รัฐฉัตติสครห์ กรุงเดลี รัฐเกรละ รัฐหรยาณา รัฐอุตตรประเทศตะวันตก รัฐอุตรารัณจัล (เปลี่ยนชื่อเป็น รัฐอุตตราขัณฑ์) รัฐอุตตรประเทศตะวันออก รัฐราชสถาน รัฐหิมาจัลประเทศ รัฐปัญจาบ รัฐกรณาฏกะ เมืองมุมไบ และเขตบริการรัฐพิหาร
4. พื้นที่ให้บริการใหม่ หมายถึงพื้นที่ให้บริการ 7 แห่งในรัฐโอริสสา ทมิฬนาฑู จามูลและแคชเมียร์ โกลกาตา เบงกอลตะวันตก อัสสัม และเขตตะวันออกเฉียงเหนือ
5. กำไรเงินสดได้รับการคำนวณจากผลรวมของกำไรหลังหักภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในบัญชีของ ESOPs และภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (ไม่รวม MAT) ตามระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง
6. ตัวเลขในช่วงที่ผ่านมามีการจัดกลุ่มใหม่ตามที่จำเป็น

เกี่ยวกับ Idea Cellular จำกัด

Idea Cellular Limited เป็นผู้ให้บริการไร้สายที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอินเดียในแง่ของจำนวนผู้ลงทะเบียน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเชิงรายได้ (ตาม AGR) ที่ประมาณร้อยละ 17.1 ของอุตสาหกรรมบริการคมนาคมของอินเดีย (ไม่รวมรายได้จากธุรกิจในเครือ Bharat Sanchar Nigam Limited และ Mahanager Telephone Nigam Limited) ในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2018 บริษัท Idea ได้รับการขึ้นทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติ (National Stock Exchange (NSE)) และตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange (BSE)) ในประเทศอินเดีย บริษัท Idea เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Aditya Birla Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย กลุ่มบริษัท Aditya Birla Group เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินกิจการในกว่า 35 ประเทศ โดยมีธุรกิจที่หลากหลาย อาทิ การโทรคมนาคม บริการทางการเงิน เหมืองแร่และโลหะ ซีเมนต์ คาร์บอนแบล็ค สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เคมีภัณฑ์ และธุรกิจปุ๋ย